23 มกราคม 2554

ใช้เครื่องมือขั้นเทพ ของเฟสบุ๊คและกูเกิ้ลช่วยทำธุรกิจ

เมื่อเร็วๆนี้ผมอ่านพบข่าวที่น่าสนใจ 2 เรื่อง คือ หนึ่งยอดผู้ใช้บริการของ Facebook ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงมากเป็นอันดับ 2 ของโลก อีกข่าวหนึ่งรายงานว่า งบโฆษณาของสื่อต่างๆในประเทศไทย ทีวียังครองแชมป์ ส่วนโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตยังมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าที่ควรจะเป็น...

เป็นไปตามกลไกตลาด ข่าวข้างต้นบอกเราว่าช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงบนอินเตอร์เน็ตอย่างเฟสบุ๊คที่มีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก ค่าโฆษณากลับไม่แพงอย่างที่คิด ข่าวดีคือมันเป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆอีกด้วย

ล่าสุดผมได้ทดลองทำแคมเปญโฆษณาออนไลน์ชิ้นหนึ่ง เป็นการประยุกต์ใช้เครื่องมือฟรีของกูเกิ้ลในการทำเว็บ และนำไปทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค ผลก็คือโฆษณาชิ้นนี้ผ่านสายตาคน 2.49 แสนครั้ง มีคนคลิกเข้าไปอ่านต่อ 171 ครั้ง ลงชื่อเป็นว่าที่ลูกค้าใหม่ 7 ราย โดยใช้เงินเพียง 18.55 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐ(ประมาณ 6 ร้อยกว่าบาท)เท่านั้น

สินค้าที่ใช้ทำโฆษณานี้คือ ประกันบุตรสุดรักของไทยประกันชีวิต รายชื่อลูกค้า 7 รายหากขายได้ 1 คนก็นับว่าคุ้มค่ากับที่ทำโฆษณาไป

สร้างเว็บที่แอ็คทีฟด้วย Blogger.com และ Youtube.com

กระแสความแรงของภาพยนต์โฆษณาประกันบุตรสุดรักทางทีวี ส่งผลให้การทำตลาดต่อบนอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องง่าย เพราะเท่ากับเป็นการตอกย้ำใช้ผู้ชมได้รับรู้อีกครั้งหนึ่ง วิธีการคือเอาคลิปโฆษณาชิ้นนี้ใน Youtube.com มาลงใน Blogger.com บล็อกฟรีค่ายกูเกิ้ล จากนั้นก็เขียนรายละเอียดของเนื้อหา

เหตุที่เลือกใช้ Blogger.com สร้างเว็บเพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย มีเมนูให้ผู้ที่เข้าชมเว็บนำเนื้อหาของเว็บเราไปบอกต่อเพื่อนทาง email ,Facebook, Twitter โดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างปุ่มเปล่านั้นขึ้นมาเองเลย

เว็บบล็อกที่สร้างขึ้นคือ http://naiprakan.blogspot.com จะมีทั้งรายละเอียดให้อ่านและภาพเคลื่อนไหวให้รับชม ทำให้ผู้ที่เข้าเว็บมีอารมณ์ร่วมได้มากกว่าเว็บที่มีแต่เนื้อหาอย่างเดียว อารมณ์ในการซื้อมีความสำคัญมากนะครับ เคยเห็นไหมที่ลูกค้ามีตังค์แต่ไม่มีอารมณ์ซื้อ การค้าขายก็ไม่เกิดขึ้น น่าเสียดายมาก

ภาพยนต์โฆษณาทางทีวีแต่ละชิ้นใช้เงินลงทุนนับสิบล้าน จุดประสงค์หนึ่งของเขาคือต้องการให้ผ่านสายตาของผู้มจำนวนมาก เมื่อเรานำมาใช้ประโยชน์บนเว็บของเราเท่ากับเป็นการเผยแพร่โฆษณาให้เขาอีกทอดหนึ่งได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย

ท่านอาจทำคลิปที่แนะนำสินค้าและบริการของท่านเอง ด้วยเครื่องมือง่ายๆเช่นโทรศัพท์มือถือ แล้วนำไปแปะที่ Youtube.com ก่อนนำไปใช้ แต่ละวันมีผู้เข้ามาใช้บริการที่นี่มหาศาล ธุรกิจของท่านก็จะได้ประชาสัมพันธ์ที่นี่อีกช่องทางหนึ่ง

เพิ่มเครื่องมือที่ติดตามลูกค้าด้วย กูเกิ้ล ด็อกส์

ผู้ที่เข้าชมเว็บหลายรายมีโอกาสที่กลายเป็นลูกค้าต่อไป แต่การที่ผู้เข้าชมเว็บจะติดต่อกลับมามีโอกาสน้อยนัก จะเป็นเช่นนั้นได้สินค้าของเราต้องเป็นที่ต้องการมากๆ วิธีการคือทำช่องกรอกข้อมูลให้ลูกค้าใส่ email หรือเบอร์โทรให้เราติดต่อกลับไปได้

การทำแบบฟอร์มสำหรับกรอกข้อมูล เป็นเครื่องมือฟรีของค่ายกูเกิ้ลอีกตัวหนึ่งชื่อ กูเกิ้ล ด็อกส์ สมัครใช้งานได้ที่ http://docs.google.com สร้างแบบฟอร์มขึ้นมาแล้วนำโค้ดมาแปะในเว็บบล็อกของเรา

ข้อแนะนำคือไม่ควรทำให้ลูกค้าต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวคราวเดียวมากเกินไป นึกถึงใจเขาใจเรา เป็นเราก็ไม่กรอกใช่ไหม ถ้าต้องการข้อมูลจำนวนมาก ควรขอเป็น 2 ครั้งขึ้นไป จะทำให้ได้ข้อมูลง่ายกว่า

เว็บบล็อกที่ค่อนข้างสมบูรณ์ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ไปสู่ขั้นตอนนำเว็บสู่สายตาของชาวโลก

โฆษณาเว็บบนเฟสบุ๊ค

ตัน โออิชิ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อก่อนเขาเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพบปะนักข่าว แต่ภายหลังกลับทำตรงกันข้าม เพราะพบว่ามันเป็นช่องทางโฆษณาให้กับตนเองที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเสียค่าเงินแม้แต่บาทเดียว

ความจริงบนเฟสบุ๊คมีช่องทางโฆษณาฟรีหลายส่วนด้วยกัน เช่นโพสต์บนกระดานของเราหรือเพื่อนๆแต่ก็ทำได้ในวงจำกัด การไปโพสต์ใน Marketplace ผมลองมาแล้ว ผลตอบรับไม่ดีนัก อย่างว่าของฟรีจะเอาอะไรนักหนา

ด้านขวามือของ Facebook เราจะเห็นโฆษณาต่างๆ เราสามารถสร้างโฆษณาเหล่านี้เองได้เช่นกัน เพียงท่านมีบัตรเครดิต(หรือบัตร B1 ธนาคารกรุงเทพ)ให้เรียกเก็บเงิน กดปุ่มสร้างโฆษณาแล้วทำตามคำแนะนำซึ่งเป็นเมนูภาษาไทยตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เรียบร้อย

โฆษณาที่สร้างขึ้นบน Facebook จะมีทั้งภาพและข้อความ ท่านสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่โฆษณาจะแสดงผลได้ เช่น อายุ เพศ การศึกษา จังหวัด ประเทศ ไปจนถึงความสนใจ ระบบจะมีการประเมินจำนวนผู้เข้าชมให้ด้วย สำหรับค่าโฆษณาส่วนใหญ่คิดราคาเป็นคลิกคลิกละประมาณ 3-7 บาทเท่านั้น

วิธีวัดความสำเร็จของการโฆษณา อาจดูได้จากยอดขายสินค้าและบริการที่มากขึ้น โฆษณาที่ดีๆ มีอิทธิพลถึงขั้นทำให้ลูกค้าเดินออกจากบ้าน หรือยกหูโทรศัพท์โทรไปซื้อสินค้าหรือบริการนั้นเลยทีเดียว

หวังว่าเครื่องมือดีๆจากกูเกิ้ลและเฟสบุ๊คจะทำให้ธุรกิจของท่านเติบโต มียอดขายถล่มทลาย นับเงินกันไม่หวัดไม่ไหวเลยนะครับ.

5 มกราคม 2554

ตอน ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าผ่านเน็ต


ปัจจุบันผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งทำให้พบความจริงข้อหนึ่งว่า คนบ้านนอกที่แต่งตัวมอมแมมเดินเท้าเปล่าหลายๆคนมีฐานะดีกว่าคนในเมืองที่ขับรถโก้หรูเสียอีก นั่นเพราะคนเมืองเมื่อขยับตัวแต่ละทีล้วนมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ รถสวยๆเสื้อผ้าดีๆมีที่มาจากหนี้สินมากมายที่พวกเขาก่อขึ้นทั้งสิ้น

ต่างจากคนบ้านนอกที่ไม่พกเงินออกจากบ้านเป็นวันๆก็ยังได้ อาหาร ยารักษาโรคหาได้จากพืชผักสมุนไพรริมรั้ว บวกกับการทำเกษตรอินทรีย์ที่มีการส่งเสริมกันอย่างเข้มข้น ช่วยลดการใช้เคมีทางการเกษตรลง เมื่อขายผลผลิตได้กำไรจึงเป็นของเกษตรกรเน้นๆ

ที่นี่ผมพบกับเกษตรกรที่ปลูกผักขายมีรายได้วันละ 1 พันกว่าบาท เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดรายได้เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท หรือเกษตรกรเจ้าของสวนยางพาราที่กำลังราคาดีครึ่งเดือนมีรายได้ 1 แสนบาท มันสำปะหลังที่แต่ก่อนราคาประมาณ 1 บาทกว่าๆต่อกิโล เดี๋ยวนี้กลายเป็น 3 บาทกว่า ทั้งโรงงานแป้ง และโรงงานผลิตน้ำมันแย่งกันซื้อ

เมื่อเร็วๆนี้คุณธนินทร์ เจียวรานนท์ เจ้าของซีพี ได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ว่าประเทศไทยมีน้ำมันบนดินได้แก่พืชผลทางการเกษตร สมควรที่รัฐบาลจะหันมาให้ความสนใจส่งเสริมกันมากๆ แต่เมื่ออยู่ในบ้านเมืองนี้ขืนรอรัฐบาลก็เป็นอันอดตายกันพอดี ศาสตร์ด้านการเกษตรหลายๆแขนงเอกชนจึงพัฒนาไปไกลกว่ารัฐมากแล้ว

ปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอคือราคาพืชผลที่มักขึ้นๆลงๆไม่แน่นอน เพราะกลไกการตลาดซึ่งมักไม่ได้ถูกกำหนดโดยเกษตรกร เมื่อผลผลิตใดราคาดีก็จะจูงใจให้เกษตรกรแห่กันไปเพาะปลูก เมื่อสินค้าล้นตลาดราคาก็ตกลงมา ขาดทุนกันถ้วนหน้า วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวมีการคิดและพูดถึงกันมาก หนึ่งในวิธีการนั้นก็คือตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า

วิธีการที่เกษตรกรจะมั่นใจว่าราคาพืชผลทางการเกษตรจะไม่ตกต่ำในอนาคต และวิธีการที่โรงงานจะมั่นใจว่าต้นวัตถุดิบด้านการเกษตรจะไม่มีราคาสูงลิ่ว ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ด้วยการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในราคาที่ทุกฝ่ายพอใจ เมื่อถึงเวลาที่ผลิตออกสู่ตลาดก็ส่งมอบสินค้าให้แก่กัน

แต่การทำสัญญาระหว่าเกษตรกรกับพ่อค้าดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรู้จักกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือสัญญาไม่มีมาตรฐาน อาจเกิดการ เบี้ยว หรือไม่ทำตามข้อตกลงกันขึ้นได้ สิ่งเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(The Agricultural Futures Exchange of Thailand) หรือ AFET เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ที่จะส่งและรับมอบกันในอนาคต โดยตลาดจะทำการคัดเลือกสินค้า กำหนดระเบียบเงื่อนไข ดูแลการซื้อขายให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมไปจนถึงจัดให้มีการส่งมอบและรับสินค้าอย่างเป็นระบบ

www.afet.or.th ปัจจุบันสินค้าที่นำมาซื้อขายล่วงหน้าได้แก่ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ,ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ,ข้าวขาว 5% และ มันสัมปะหลังเส้น เกษตรกรสามารถเข้ามาบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ด้วยการขายสัญญาล่วงหน้าไว้ใน AFET เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวถ้าราคาตลาดจริงลดลง ก็ยังได้กำไรจาก AFET มาชดเชย

ด้านผู้ประกอบการที่เกรงว่าราคาขายผลิตผลการเกษตรจะราคาสูงขึ้น ก็สามารถเข้ามาซื้อสัญญาล่วงหน้าใน AFET หากราคาในตลาดจริงสูงขึ้น ผู้ประกอบการก็จะได้กำไรจากการซื้อสัญญาล่วงหน้าไปชดเชยราคาสินค้าที่สูงขึ้นในตลาดจริงได้

ถามว่าถ้าไม่ใช่เกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรเลยจะทำอะไรได้ ใน AFET ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปใช้เป็นช่องทางในการแสวงหาผลกำไรจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร คล้ายๆกับตลาดหุ้น เพียงแต่ว่านักลงทุนมีโอกาสทำไรทั้งในภาวะที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นและต่ำลง

แหล่งความรู้วิธีการลงทุนใน AFET ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากที่นี่

เอกสารอ่านฟรี www.afet.or.th/v081/thai/learning/publication.php

ตารางสัมมนาฟรี ที่http://www.afet.or.th/v081/thai/learning/seminar.php

หากมีกำลังทรัพย์ก็แนะนำว่าลงทะเบียนเรียนแบบเสียเงินวิชาละ 500 บาท ที่นี่ www.afet.or.th/v081/thai/training/training.php จะได้ความรู้ลึกขึ้นไปอีกระดับ

เมื่อศึกษาข้อมูลจนพร้อมแล้วขั้นต่อไปคือเลือกเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ ตามรายชื่อต่างๆดังนี้ www.afet.or.th/v081/thai/member/broker.php จากนั้นก็วางเงินประกัน 3-5% ของมูลค่าสัญญา ประมาณ 10,000 - 24,000 บาท ตามชนิดของสินค้าเกษตรที่ต้องการซื้อขาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.afet.or.th/v081/thai/trading/margin.php

ถึงตอนนี้ท่านก็ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้แล้ว ท่านสามารถส่งคำสั่งซื้อขายโดยผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทนายหน้าฯ หรือส่งคำสั่งซื้อขายได้ด้วยตัวของท่านเองผ่านบริการ AFETDirect (Internet Trading) ซึ่งตรวจสอบสถานะได้ทุกสิ้นวันว่ามีกำไรหรือขาดทุน

ระบบ AFET Direct จะอาศัยโปรแกรม J-Trader ซึ่งประกอบด้วยการใช้งานที่เอื้ออำนวยให้ผู้ลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า มีความสะดวกสบายในการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต ตรวจสอบสถานะของคำสั่งซื้อขาย ราคาเสนอซื้อเสนอขายแบบ Real Time รวมทั้งยังแสดงพอร์ตการลงทุน พร้อมด้วยการคำนวณผลกำไร ขาดทุน จากการซื้อขาย

หากท่านถือสัญญาซื้อหรือขายจนถึงวันซื้อขายสุดท้าย ท่านต้องเข้าสู่กระบวนการส่งมอบรับมอบสินค้า (ยกเว้นสัญญาซื้อขายแบบ Both Options ที่ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะรับมอบหรือส่งมอบสินค้าหรือไม่) ตามที่กำหนดในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

ท่านสามารถทดลองซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตได้ที่ www.afetdirect.com มีเงินลงทุน 1,000,000 บาทให้ท่านทดลองเล่นด้วย เล่นคล่องๆได้กำไรบ่อยๆถึงเวลานั้นแล้วค่อยเปิดบัญชีซื้อขายกันจริงๆ อย่างไรก็ตามการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจ

การค้าในอนาคตเกิดขึ้นรวดเร็ว ทันสมัย ถ้าเราไม่อยากตกยุค ต้องหูตาไวและพยายามเรียนรู้ให้เท่าทัน.