8 กรกฎาคม 2554

โพลล์ออนไลน์ และเว็บฟรีค่ายกูเกิ้ล

การเลือกตั้งที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่ดำเนินการควบคู่กับการหาเสียงของพรรคการเมืองคือ ผลการสำรวจความคิดเห็นของสำนักต่างๆ ทั้ง เอแบคโพลล์ สวนดุสิตโพลล์ พบว่าผลการสำรวจเป็นไปตามที่โพลล์ทำนายไว้คือพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. มากที่สุด

ประโยชน์ของการทำโพลล์ คือเป็นการเช็คกระแสความรู้สึก ความต้องการของสังคมว่าช่วงเวลานั้นกลุ่มเป้าหมายคิดหรือรู้สึกอย่างไร โพลล์ใช้ทำนายผลลัพท์ล่วงหน้า ผลที่ได้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินกลยุทธ์ต่างๆได้มากมายทั้ง เรื่องการเมือง สังคม และธุรกิจ

พบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการหาเสียงอย่างมากมาย และในทุกช่องทาง ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ลงโฆษณาออนไลน์ทั้งกูเกิ้ล เฟสบุ๊ค มีการถ่ายทอดสดการปราศรัยทางอินเตอร์เน็ต นำภาพกิจกรรมหาเสียงในที่ต่างๆอัพโหลดขึ้นเว็บทุกวัน ดึงแฟนคลับเข้ามามีส่วนร่วมถล่มทลาย

ปัจจุบันประชากรบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองข้ามอีกแล้ว เพราะนับวันมันยิ่งเติบโต หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในไซเบอร์สเปซกลายเป็นกระแสนิยม เช่น เรื่องแพลงกิ้ง(ทำท่าคนตายนอนคว่ำตัวแข็ง)ที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์นำไปเล่นตอนหาเสียง ทำให้ ได้ใจแล้วคงได้คะแนนเสียงจากวัยรุ่นไปไม่น้อย

คุยกันเล่นๆว่ากลยุทธ์เหล่านี้หากใช้กับธุรกิจ มันคงสร้างยอดขายหรือเสียงตอบรับให้กับเจ้าของกิจการอย่างมากมายภายในระยะเวลาแค่เดือนเศษเท่านั้น

มาถึงเรื่องการใช้โพลล์ในเชิงธุรกิจ เมื่อต้องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งใช้เงินลงทุนมหาศาล เพื่อป้องกันการผิดพลาด อาจเริ่มต้นที่การสำรวจความคิดเห็นก่อน เช่นเรื่องความพึงพอใจในรูปลักษณ์ สี กลิ่น รส สัมผัส หรือเรื่องราคาที่เหมาะสม เป็นต้น

ตัวอย่างเพื่อนของผมกำลังอยากจะทำร้านอาหาร ผมแนะนำว่าให้สำรวจข้อมูล ความต้องการของคนในย่านนั้นก่อน เริ่มง่ายๆเช่นสำรวจร้านอาหารคู่แข่งในย่านเดียวกัน คนแถวนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร รายได้เท่าไร่ การศึกษาชั้นไหน รสนิยมเป็นอย่างไรเป็นต้น

ข้อมูลเหล่านี้หากทำอย่างง่ายๆได้แก่การออกไปสอบถามพูดคุยด้วยตนเอง หากต้องการข้อมูลลึกๆปริมาณมาก และรอบด้าน ก็คงต้องจ้างบริษัทที่ทำวิจัยการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลจากผู้ให้สัมภาษณ์เป็นหลักพันคนขึ้นไป

ความแม่นยำของโพลล์หรือผลการสำรวจความคิดเห็น วัดได้จากผู้ที่ทำโพลล์ว่ามีปริมาณมากพอ และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าคุณสมบัติผู้ตอบโพลล์ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีปริมาณมากพอ ผลของโพลล์นั้นก็จะมีความแม่นยำสูง

สำหรับเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ยังไม่มีทุนทรัพย์มากพออาจทำโพลล์ออนไลน์ทางเฟสบุ๊คได้ โดยใช้แอพพลิเคชั่น poll โดยพิมพ์คำว่า poll ในช่องค้นหา แล้วกดปุ่มอนุญาตให้แอพนี้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว จากนั้นคุณก็สามารถทำโพลล์ขึ้นมาเองได้

สร้างคำถาม แล้วสร้างคำตอบ เป็นช้อยส์ให้เลือก จากนั้นก็เผยแพร่ในเฟสบุ๊ค ให้เพื่อนๆช่วยกันแสดงความคิดเห็น ท่านก็จะได้ข้อมูลชุดหนึ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไป โพลล์ที่ทำที่นี่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายได้ ทำให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น

ท่านอาจสร้างแรงจูงใจในการทำโพลล์ด้วยการให้รางวัล ถ้าของรางวัลมีเยอะก็ให้กับทุกคนที่ตอบโพลล์ แต่ถ้าของรางวัลน้อยมีมูลค่าสูงก็อาจจะเป็นการสุ่มให้รางวัลก็ได้

หากต้องการคำถามเชิงลึกหลายๆข้อ ท่านอาจสร้างแบบสอบถามที่ กูเกิ้ลด็อคhttps://docs.google.com แล้วเลือกสร้าง Form ระบุคำถามและคำตอบต่างๆ โดยทำได้หลายข้อ ก่อนที่จะส่งแบบฟอร์มนี้ไปให้เพื่อนๆตอบ

ช่วงนี้ทางกูเกิ้ลมีความเคลื่อนไหวต่างๆที่น่าสนใจ เช่น การที่จะเปิดตัว กูเกิ้ลพลัส https://plus.google.com เครือข่ายสังคมออนไลน์ออกมาแข่งกับ Facebook กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ โปรดรอด้วยความระทึก

ข่าวดีสำหรับ SMEs ไทยก็คือ กูเกิ้ล ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, สสว, Webiz, Dotarai ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำธุรกิจของตนเองเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต กับ www.goonline.in.th

โดยท่านสามารถสร้างเว็บไซต์ฟรีที่นี่ ใช้โดเมนฟรี 1 ปี(เว็บนามสกุล .in.th และ .co.th) โปรโมทธุรกิจใน Google Maps และมีเครดิตให้ลองโฆษณาในกูเกิ้ลฟรีมูลค่า 3,000 บาท พร้อมอบรมสอนการใช้งานให้ฟรีอีกต่างหาก มีศูนย์ประสานงานในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ สนใจโทร 02 257 7299

เว็บที่สร้างขึ้นที่นี่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เรียนรู้และปรับแต่งได้ด้วยตนเอง ตัวอย่างเว็บ www.anyroom.in.th ร้านเฟอร์นิเจอร์มีดีไซน์ บนสยามดิสคัฟเวอรี่ ของคุณดวงฤทธิ์ บุญนาค สถาปนิกชื่อดัง

นับว่ากูเกิ้ลทุ่มทุนสร้างเป็นอย่างมาก เจ้าของกิจการทั้งหลายไม่ควรพลาด หลังจากเสียส่วนแบ่งการตลาดด้านโฆษณาออนไลน์ให้กับเฟสบุ๊ค นี่คงเป็นอีกความพยายามหนึ่งของกูเกิ้ลที่จะดึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆเข้ามาใช้บริการ เพื่อเป็นลูกค้าต่อไป

หวังว่าเรื่องโพลล์ออนไลน์ และเว็บไซต์ฟรีค่ายกูเกิ้ลที่แนะนำในครั้งนี้ คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจทำธุรกิจในโลกออนไลน์ทุกท่าน พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

E-book ช่องทางสร้างรายได้ ของนัก(อยาก)เขียน

ช่วงนี้ผมมีเหตุให้ต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด จึงต้องเปิดเว็บข่าวของสำนักต่างๆอ่านถี่ยิบทั้งเช้าค่ำ พบว่าข่าวจากเว็บสื่อสิ่งพิมพ์จะให้ข้อมูลอย่างย่อและจำกัด อ่านแล้วไม่จุใจจึงมีความคิดจะสมัครซื้อหนังสือพิมพ์ออนไลน์มาอ่าน เพราะแผงหนังสือแถวบ้านผมที่ต่างจังหวัดหาซื้อหนังสือแนวนี้ยากมาก

ตอนที่แล้วคอลัมน์นี้บอกว่ายอดขายอีบุ๊คของเว็บอเมซอนแซงหน้าหนังสือกระดาษจริงๆไปแล้ว แนวโน้มของธุรกิจหนังสือที่ไหนๆก็คงเป็นเช่นนี้ คนอ่านหนังสือจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งจากจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารอื่น เพราะมันสะดวกง่ายดายไม่ต้องถือหนังสือหนักๆหลายๆเล่มไปไหนมาไหน

นิตยสารและหนังสือพิมพ์ดังๆกำลังปรับตัวเข้าสู่อีบุ๊ค ข้อดีของสำนักพิมพ์คือไม่ต้องลงทุนพิมพ์หนังสือออกมาเป็นเล่มๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าหรือการจัดจำหน่าย แต่สามารถขายให้กับลูกค้าที่ต้องการอ่านหนังสือดาวน์โหลดไปอ่านได้จากทุกที่ทั่วโลก

ขณะนี้มีนักเขียนออนไลน์แจ้งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เคยได้ยินว่าวัยรุ่นญี่ปุ่นชอบอ่านนิยายที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้นักเขียนออนไลน์ญี่ปุ่นล่ำซำกันทั่วหน้า ผลิตงานกันแทบไม่ทัน เพราะได้ค่าลิขสิทธิ์เป็นกอบเป็นกำจากการดาวน์โหลด

เรื่องแบบนี้มีคนมาปรึกษาผมหลายคน ทำนองว่าเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งจะจัดพิมพ์ หรือเสนอสำนักพิมพ์ยังไง คำแนะนำของผมคือเสนอให้สำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือแนวเดียวกับที่เราเขียนพิจารณา แล้วรอคำตอบ ถ้าได้พิมพ์ก็รอรับตังค์ ถ้าไม่ได้พิมพ์ก็เสนอที่อื่นต่อไป

ถ้าหากมีทุนรอนพิมพ์หนังสือเองก็พิมพ์มันขึ้นมาเลยครับ หาคนมาจัดอาร์ตเวิร์ค ทำปกสวยๆ หาโรงพิมพ์ ทำออกมาเป็นเล่มแล้วจึงติดต่อบริษัทจัดจำหน่าย รายใหญ่ๆของบ้านเราก็ได้แก่ซีเอ็ด อัมรินทร์ หรือจะใช้บริการเครือมติชนก็มี บริษัทงานดี จำกัดนั่นเอง

การพิมพ์หนังสือ 1 เล่มท่านอาจจะใช้เงินหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน เพราะต้นทุนค่ากระดาษมีราคาสูงมาก ถ้าพิมพ์จำนวนน้อยต้นทุนต่อเล่มก็จะสูง พิมพ์มากถึงต้นทุนต่อเล่มถูก แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่นพิมพ์ 1,000 เล่ม อาจจะเล่มละ 50 บาท ใช้เงินทั้งหมด 50,000 บาท แต่ถ้าพิมพ์ 3,000 เล่มถึงจะเล่มละ 30 บาท แต่ใช้เงิน 90,000 บาท

แต่ความจริงท่านสามารถลองตลาดผลงานเขียนของท่านด้วยการทำเป็น ebook ให้คนลองดาวน์โหลดไปอ่านดูก่อนได้ อาจจะทำสัก 1-2 บท ถ้าได้รับความนิยม จึงค่อยทำเป็น ebook ฉบับเต็มวางขายเสียเลย

ต้นทุนการทำ ebook แทบไม่ต้องใช้เงินเลย หรืออย่างมากก็หลักพันบาท มันจึงเป็นเหตุผลให้ ebook ถูกกว่าหนังสือที่เป็นกระดาษจริงๆ กว่าครึ่ง คนอ่านได้อ่านหนังสือราคาถูก ผู้ผลิตก็ไม่ต้องลงทุนเยอะวินๆกันทั้ง 2 ฝ่าย

ท่านสามารถสร้าง ebook ได้ที่ www.ilovelibrary.com มีโปรแกรมสำหรับสร้าง ebook ให้ใช้งานฟรี สำหรับ ebook ที่ให้ดาวน์โหลดอ่านฟรี แต่ถ้าจะทำอีบุ๊คขายก็จะต้องซื้อโปรแกรมอีกแบบหนึ่งค่าใช้จ่ายไม่มากอย่างที่ว่า ลองโทรไปปรึกษาเขาดูครับ ข้อดีของอีบุ๊คที่สร้างขึ้นที่นี่คือจะมีการพลิกหน้าอ่านได้ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือจริงๆ

ท่านสามารถสร้าง ebook ที่อ่านได้ด้วย iPad สมาร์ตโฟน หรือ อุปกรณ์สื่อสารอื่นได้ที่ www.ebooks.in.th มี ebook ทั้งแบบอ่านฟรี และเสียเงินซื้อ อีบุ๊คของที่นี่ไม่ต้องใช้โปรแกรมการสร้างที่ซับซ้อนเพราะเป็นไฟล์นามสกุล pdf ท่านสามารถเปลี่ยนไฟล์เป็นนามสกุล pdf ได้ที่ www.primopdf.com

เมื่อท่านสร้าง ebook ได้ชำนาญแล้ว ท่านอาจจะรับจ้างสร้าง ebook ได้ค่าแรงเป็นเล่มๆ หรือตั้งตนเป็นสำนักพิมพ์ที่ทำ ebook ขายเลยก็ได้ ถ้าท่านมีเว็บของตนเองอยู่แล้ว ท่านสามารถนำโค้ดจากเว็บ ebook ทั้ง 2 แห่งข้างต้น ไปติดที่เว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงมายังอีบุ๊คของท่าน

แต่ต้องยอมรับก่อนว่ากระแสอีบุ๊คสำหรับประเทศไทยยังไม่แรงนัก คนทั่วไปนิยมอ่านฟรี แต่ถ้าให้เสียเงินซื้ออาจจะลำบากสักหน่อย อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักเล็กน้อย แต่ถ้า ebook ของท่านเป็นเรื่องเฉพาะที่หาอ่านทั่วไปไม่ได้ง่ายๆ และคนต้องการรู้ ก็น่าจะขายได้ดี

คนชอบเขียนหนังสืออาจจะมีรายได้อีกทางจากการเขียนบล็อกที่ www.blogger.com แล้วนำโฆษณาของกูเกิ้ลมาติด แล้วจะมีได้รายได้จากคนที่เข้ามาอ่านบล็อกแล้วคลิกโฆษณา โดยสมัครเอาโฆษณาของกูเกิ้ลมาติดได้ที่ http://google.com/adsense

ตัวอย่างของบล็อกแบบนี้คือ http://athichen.blogspot.com บล็อก เรื่องประกอบ รวบรวมบทกวีและนิทานของผู้ใช้นามปากกาว่า อาทิเช่น

อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ยากในประเทศไทยเพราะผลตอบแทนน้อย ถ้าผลงานไม่ได้ตีพิมพ์ก็ขาดรายได้ แต่โลกออนไลน์เปิดโอกาสให้กับนักเขียนได้แสดงฝีมือ เผยแพร่ผลงาน และมีโอกาสมีรายได้อีกทางหนึ่งได้อีกด้วย

แม้ว่าช่วงต้นอาจจะยังได้ไม่มากมายนัก แต่ก็ทำให้การเดินทางบนถนนนักเขียนไม่เดียวดาย และแร้นแค้นเกินไปนัก.