เพื่อนของผมคนหนึ่งที่นี่แอบกระซิบว่าเขามีรายได้จากยางพาราครึ่งเดือน 1 แสนบาท นั่นทำให้ผมอิจฉาตาร้อนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน แม้จะราคาดีเหมือนกัน แต่ยางพาราไม่เหมือนกับมันสำปะหลัง เพราะมันสำปะหลังเป็นพืชล้มลุกต้องปลูกทุกปี ทว่ายางพาราปลูกครั้งเดียว เมื่อได้กรีดแล้วก็กรีดไปได้อีกยี่สิบกว่าปี แทบไม่ต้องไปทำอะไรกับมันอีก
เพราะเมื่อถึงเวลากรีดยางก็จะมีแรงงานมารับจ้างกรีดให้ เขาจะดูแลยาง ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช จนถึงขั้นนำไปขายแล้วโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้เสร็จ โดยแบ่งรายได้กับเจ้าของสวน 40:60 เพื่อนของผมคนที่ว่าเขาบอกว่าจะเกษียณตัวเองในอีก 4-5 ปีข้างหน้านี้ ถึงตอนนั้นอายุก็เพิ่งจะย่างเข้า 40 จะไม่ให้อิจฉาได้ยังไง
ผมเองก็ตั้งใจว่าจะปลูกยางพาราปีนี้เหมือนกัน แต่การต้องรอให้ต้นยางโตอีก 7 ปี กว่าจะได้กรีด สงสัยจะรวยไม่ทันเพื่อน จึงต้องคิดหาทางทำอะไรบางอย่าง เดือนกว่าๆที่ผ่านมานี้ผมจึงเข้าเว็บตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า www.afet.or.th เพื่อศึกษาข้อมูล พบว่าที่นี่มีการซื้อขายสัญญายางพาราอย่างเป็นล่ำเป็นสัน น่าสนใจดีทีเดียว
สัญญาซื้อขายยางพาราล่วงหน้าหรือ Rubber Futures Contract เป็นสัญญาที่จัดทำอย่างเป็นมาตรฐานว่าในอนาคต อีก 6-7 เดือนข้างหน้า จะซื้อยางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ที่ราคาเท่าไหร่ มันจึงเป็นเครื่องมือให้เกษตรกรและผู้ที่รับซื้อยางพาราใช้บริหารความเสี่ยงจากราคายางที่ผันผวนได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าเกษตรกรเปิดสัญญา “ขาย” เอาไว้ที่ราคาสูง แล้วในอนาคตยางราคาตกต่ำ ถึงเกษตรกรจะมีรายได้จากการขายยางพาราในตลาดจริงลดลง แต่จะได้กำไรจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามาชดเชยแทน
ในทำนองเดียวกันผู้รับซื้อยางพาราที่ไม่อยากมีภาระเรื่องลงทุนเก็บรักษายางเอาไว้ แต่ก็กลัวว่าในอนาคตยางจะราคาขึ้น ก็สามารถเข้ามา “ซื้อ” สัญญาซื้อขายยางล่วงหน้าราคาที่ตนเองพอใจเอาไว้ได้เช่นกัน และเมื่อถึงเวลาราคาขึ้นจริงๆ ก็สามารถเอากำไรจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าไปชดเชยตลาดจริงได้
สัญญาซื้อขายล่วงหน้ายางฯยังเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนใช้แสวงหาผลกำไรจากราคายางที่ผันผวนได้อีกด้วย การซื้อขายสัญญาล่วงหน้านั้น จะเหมือนกับการซื้อขายสินค้าอื่นๆ ทั่วไป คือ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เสนอราคาซื้อและผู้เสนอราคาขายสามารถตกลงซื้อขาย ณ ราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ
กำไรจะเกิดขึ้นเมื่อซื้อได้ถูกขายได้แพง โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องมีสินค้าจริงๆอยู่ในมือ และสามารถเปิดสัญญาซื้อหรือขายก่อนก็ได้ หากทิศทางราคาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็ขาดทุนได้เช่นกัน และตราบใดที่ผู้ซื้อผู้ขายยังมีความต้องการ สัญญาล่วงหน้าก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่จำกัด
เมื่อต้องการซื้อขายสัญญาล่วงหน้ายางฯ ท่านต้องเปิดบัญชีกับบริษัทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าหรือโบรกเกอร์ ตามรายชื่อต่อไปนี้ www.afet.or.th/v081/thai/member/broker.php จากนั้นจึงวางหลักประกันขั้นต้น ประมาณ 3-5% ของมูลค่าสัญญา สำหรับยางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ต้องวางเงินประกันขั้นต้น 30,000 บาท
จากนั้นท่านก็สามารถซื้อขายสัญญาล่วงหน้าได้แล้ว ช่วงต้นแนะนำว่าให้ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ท่านจะได้รับข้อมูลหลายๆอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ และเมื่อท่านชำนาญมากขึ้นก็สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ด้วยตนเอง จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าคอมมิชชั่นได้ด้วย
มูลค่าของสัญญาล่วงหน้าจะเคลื่อนไหวคู่ขนานไปกับราคาซื้อขายสินทรัพย์ในปัจจุบัน นักลงทุนทั่วไปจึงใช้ราคาในปัจจุบัน และการคาดการณ์ความต้องการซื้อขายในอนาคต เป็นพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์มูลค่าของสัญญาล่วงหน้า ซึ่งสองปัจจัยนี้เองจะส่งผลให้ราคาที่ใช้ซื้อขายสัญญาล่วงหน้ามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ราคายางยังขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นๆอีกหลายปัจจัยเช่น เศรษฐกิจ การเมือง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฤดูกาล ราคาน้ำมัน ทองคำ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ราคายางที่ตลาดล่วงหน้าญี่ปุ่น หรือจีน ท่านสามารถเช็คข้อมูลเหล่านี้ได้ที่ http://rakayang.net
หน่วยการซื้อขายสัญญาล่วงหน้ายางพาราได้แก่
ทุกสิ้นวันจะมีการปรับสถานะทางบัญชี หากขาดทุนจนเงินใบบัญชีมีน้อยกว่าหลักประกันขั้นต่ำคือ 22,000 บาท ก็จะต้องมีการเติมเงินเข้ามา มิฉะนั้นก็จะถูกตัดออกจากระบบ การปิดสถานะของสัญญาสามารถทำได้โดยการส่งคำสั่งซื้อหรือขายที่ตรงกันข้ามกับตอนเปิด ไม่จำเป็นต้องถือสัญญาไว้จนถึงวันส่งมอบสินค้า
การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าจะมีสำนักหักบัญชี ทำหน้าที่ดูแลและสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งป้องกันการบิดพลิ้วของสัญญา นอกจากนี้ยังมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ทำหน้าที่กำกับดูแลการซื้อขายล่วงหน้าให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม
หลังจากศึกษามาได้สักระยะ ผมก็ไปเปิดบัญชีไว้กับโบรกเกอร์รายหนึ่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนั้นราคายางประมาณ 175 บาทต่อกิโลกรัม ผมเปิดบัญชีไว้แต่ไม่ได้ทำการซื้อขาย ด้วยเหตุผลหลายๆเรื่อง ผ่านไป 15 วัน ราคายางขึ้นไปที่ประมาณ 195 บาท ปรับตัวขึ้นมาถึง 20 บาท !
เพราะไม่เด็ดเดี่ยว เดือนแห่งความรักในปีนี้ผมจึงพลาดเงินแสนไปอย่างน่าเสียดาย.
..................................................................................