25 สิงหาคม 2554

ทำเว็บธุรกิจให้เป็นเว็บ 2.0

สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย อธิบายว่า เว็บไซต์ที่ออกแบบโดยใช้หลักการของเว็บ 2.0 ทำให้กลุ่มผู้ใช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์และร่วมมือกันในลักษณะของสื่อสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้สร้างเนื้อหาขึ้นเอง ต่างจาก เว็บ 1.0 ที่กลุ่มผู้ใช้ถูกจำกัดบทบาทโดยทำได้แค่เพียงการเยี่ยมชม หรือดูเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ...

ตัวอย่างเว็บที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งหลายล้วนดำเนินการตามแนวทางนี้ เช่น เว็บวิกิพีเดีย www.wikipedia.org ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปช่วยกันเขียนสารานุกรมออนไลน์ขึ้นมา บล็อกต่างๆที่ให้ผู้เข้าชมแสดงความเห็นกับเนื้อหาของบล็อกได้ หรือเฟสบุ๊คที่เปิดโอกาสให้ทุกคนแบ่งปันเรื่องราว รูปถ่ายและคลิปวีดีโอ ให้แก่กันและกัน เป็นต้น

เมื่อเร็วๆนี้มีรายงานว่าผู้ใช้เฟสบุ๊คประเทศไทยขยับขึ้นไปอยู่ที่ 10 ล้านคนแล้ว เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ 2-3 เดือนมานี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละเกือบแสนคน แสดงให้เห็นว่า เฟสบุ๊คเริ่มมีอิทธิพลกับชีวิตคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นและวัยทำงาน อาจจะคุยกันผ่านช่องทางนี้มากกว่าคุยกันจริงๆเสียอีก

สำหรับผม เพื่อนสมัยประถม มัธยม ที่จากกันไป ไม่ได้เจอกันนาน ถูกเฟสบุ๊คขุดค้นมาให้เจอ เกือบจะหมดแล้ว มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นดีอยู่เหมือนกันที่ได้รับรู้ข่าวคราวของเพื่อนเก่า ว่าใครทำอะไร เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน บ้างก็อยู่ต่างจังหวัด บ้างก็อยู่ต่างประเทศ ปะเหมาะเจอกันจังๆที่เฟสบุ๊คก็แชตกันสดๆเป็นชั่วโมงให้หายคิดถึง

ปัจจัยที่ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากช่องทางการเข้าสู่อินเตอร์เน็ตมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตยี่ห้อต่างๆ ขนาดจอดรถติดไฟแดงยังคุยกันผ่านทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คได้ อะไรจะขนาดนั้น ไปไหนมาไหนเห็นเด็กวัยรุ่นจ้องโทรศัพท์มือถือจิ้มนิ้วกันวุ่นวาย

จากผลการวิจัยพบว่าเรื่องต่างๆที่เพื่อนแนะนำให้เพื่อน มีโอกาสสูงที่จะได้รับการตอบรับมากกว่าปฏิเสธ จึงไม่น่าแปลกใจที่เว็บทั้งหลายต่างก็เพิ่มปุ่ม แบ่งปัน ให้เพื่อนทั้งบนเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ สินค้าและบริการต่างๆเริ่มตบเท้าเข้ามาใช้บริการโฆษณาบนเฟสบุ๊ค จนค่าโฆษณาที่เว็บแห่งนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ลองมาดูตัวอย่างของเว็บชั้นนำในประเทศไทยที่ใช้ประโยชน์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค เว็บหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com สื่อแห่งนี้ส่งเสริมให้นักข่าวใช้ทวิตเตอร์รายงานข่าว จากนั้นก็นำมารีทวิตบนหน้าเว็บให้คนทั่วไปอ่าน นับว่าเป็นการรายงานข่าวอย่างฉับไวทันใจยิ่ง

เว็บหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ www.posttoday.com มีส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการรายงานสภาพการจราจรในกรุงเทพ ให้คนทั่วไปแชร์ต่อทางเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์ได้ เว็บทั้งสองแห่งข้างต้นยังมีการทำแบบสอบถามหรือโพลล์ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ แล้วคลิกดูผลโพลล์ได้ทันที

สำหรับเว็บมติชน www.matichon.co.th มีการนำเวทีแสดงความคิดเห็นหัวข้อต่างๆ มาไว้ที่หน้าแรก หลายความคิดเห็นสร้างสรรค์ น่าสนใจมากทีเดียว ผู้อ่านมีส่วนร่วม และเนื้อหาเว็บก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นวิธีการเดียวกับเว็บที่มีผู้เข้าชมเป็นหลักแสนอย่าง www.sanook.com และ www.mthai.com ทำงานอยู่

ลองเข้ามาดูเว็บที่ต้องอัพเดทข้อมูลข่าวสารแบบชั่วโมงต่อชั่วโมงอย่างเว็บราคายาง http://rakayang.net นอกจากเจ้าของเว็บจะนำข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับยางพาราขึ้นที่หน้าแรกแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมเว็บแชตกันสดๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร คนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่สนใจเรื่องดังกล่าวก็ได้อ่านกันเพลินๆ

วิธีการเชตกันสดๆมีหลายธุรกิจ เช่น อีเบย์และทรูนำไปใช้ในลักษณะคล้ายๆ Call Center ไว้คอยตอบคำถามและข้อสงสัยให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย หากท่านต้องการเครื่องมือนี้ไปติดที่เว็บของท่าน yahoo จะมีชื่อเรียกว่า Pingbox นำไปใช้ได้ฟรี ที่ http://messenger.yahoo.com/pingbox/studio

ถ้าต้องการให้ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นอาจใช้บริการที่ www.thailivechat.com มีทั้งแบบให้ใช้บริการฟรี และเสียเงินเดือนละ 400 บาท แน่นอนว่าอย่างหลังก็จะทำงานได้มากกว่า โปรแกรมนี้เป็นเจ้าของเดียวกับสถาบัน Netdesign

ปกติองค์กร บริษัท ห้างร้าน นอกจากจะมีเว็บของตนเองแล้วยังมีเฟสบุ๊คเพื่อสื่อสารอย่าง
ฉับไว และไม่เป็นทางการอีกด้วย ท่านสามารถเชื่อมเว็บองค์กรและเฟสบุ๊คเข้าด้วยกัน โดยเข้าไปที่
http://th-th.facebook.com/badges ลงทะเบียนเฟสบุ๊คแล้วนำ แล้วเลือกโค้ตจากที่นี่ไปติดที่เว็บหรือบล็อกของตนเอง

เมื่อท่านเขียนสิ่งต่างๆบนเฟสบุ๊ค สิ่งเหล่านั้นมันก็จะไปโชว์ที่เว็บของท่านด้วย ทำให้เว็บของท่านมีความเคลื่อนไหว ไม่น่าเบื่อและเป็นช่องทางให้ลูกค้าของท่านติดต่อท่านได้อีกทางหนึ่ง มีคำถาม ข้อสงสัย หรือสนใจเรื่องใดก็โพสต์ไว้ที่เฟสบุ๊คของท่านได้เลย

การทำให้เว็บไซต์ขององค์กรบริษัทของท่านปรับเปลี่ยนเป็นเว็บ 2.0 ด้วยการเพิ่มส่วนต่างๆให้ผู้เข้าชมเว็บได้มีส่วนร่วม อาทิ แชตคุยกันได้ หรือแสดงความเห็นบนเนื้อหา หรือกด Like ผ่านเฟสบุ๊คได้ ทำให้เว็บไม่จืดชืด ตื่นตาตื่นใจ และผู้เข้าชมเว็บรู้สึกผูกพัน อยากเข้ามาเชี่ยมชมเว็บในครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ

แล้ว(คง)ไม่นานผู้เข้าชมเว็บเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อท่านในท้ายที่สุด.

5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษา และมหาวิทยาลัยออนไลน์

นโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเรื่องแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนทั่วประเทศ ก่อนที่จะปรับมาแจกให้เฉพาะชั้น ป.1 ก็กำลังจะเป็นเหมือนหลายๆนโยบายของพรรคนี้ที่ดูสวยหรู แต่ทำไม่ได้จริง เหตุที่ต้องการแจกแท็บเล็ตเขากล่าวว่าไม่ต้องการให้นักเรียนต้องหิ้วหนังสือไปโรงเรียนหนักเกินไป ดาวน์โหลดอีบุ๊คใส่แท็บเล็ตไปเรียนหนังสือสะดวกกว่า

ความจริงเด็กๆในชนบทซึ่งเป็นเด็กส่วนใหญ่ของประเทศ พวกเขาขาดแคลนเรื่องอื่นที่จำเป็นกว่านั้น ตัวอย่างเช่น โรงเรียนโคกหน้ากลอง แถวๆบ้านผม คุณครูมีจำนวนจำกัด ครูคนหนี่งต้องสอนหลายวิชา ดูแลหลายชั้นเรียน ตอนกลางวันยังต้องลงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวให้เด็กๆกินอีก เด็กบางคนเสื้อผ้าใส่มาโรงเรียนยังมีไม่พอด้วยซ้ำ

ผมว่าก่อนที่จะไปแจกเครื่องมือที่ใช้งานอย่างฉาบฉวยอย่างแท็บเล็ต เอาเรื่องคอมพิวเตอร์ให้เด็กๆมีใช้อย่างทั่วถึงกันก่อนดีกว่าไหม เงินจำนวนเท่าๆกัน เช่น 5,000 บาท อาจซื้อแท็บเล็ตที่ใช้งานได้ไม่กี่อย่าง แต่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้สารพัดอย่าง ถ้านักเรียนมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้ครบทุกคน การศึกษาไทยก็จะก้าวไกลไปอีกเยอะ

ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการอินเตอร์เน็ตตำบลหรืออินเตอร์เน็ตชุมชน เอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตั้งไว้แล้วก็ใช้กันไม่เป็น ไม่นานก็กลายเป็นวัตถุโบราณที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เสียงบประมาณเปล่า สิ่งเหล่านี้ทำเพียงเพื่อสนองนโยบาย โดยไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องอื่น เช่น การฝึกอบรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นต้น

ปัจจุบันมีเว็บดีๆเพื่อการศึกษาจำนวนมาก หากนักเรียนสามารถเรียนออนไลน์ได้ จะช่วยแบ่งเบาภาระครู และพอจะแก้ปัญหาครูขาดแคลนได้ระดับหนึ่ง การเรียนรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตดีกว่าโทรทัศน์ตรงที่มันเป็นการสื่อสาร 2 ทาง นักเรียนสามารถฝากคำถามเอาไว้ แล้วให้ครูมาตอบ หรือคุยโต้ตอบกันสดๆทาง msn , Facebook หรือโปรแกรมอื่นๆก็ได้

ต่อไปนี้คือ 5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษาที่ผมว่าน่าสนใจสำหรับศึกษาเรื่องต่างๆด้วยตนเอง

1. เว็บของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม www.dlf.ac.th ซึ่งมีรายการทีวีทางอินเตอร์เน็ตให้เลือกชมแยกเป็นชั้นเรียนทั้งประถมและมัธยม ตั้งแต่ ป.1-ม.6 ท่านสามารถเลือกชมรายการสดหรือรายการย้อนหลังก็ได้

2. เว็บวิชาคณิตศาสตร์ www.kanid.com ครบเครื่องเรื่องคณิต ทั้งสมการ อสมการ เวกเตอร์ แคลคูลัส ตรีโกณมิติ ฯลฯ มีทั้งเกม แบบทดสอบ คลังโจทย์ข้อสอบ เทคนิคการเรียน เว็บบอร์ดพูดคุย เกร็ดความรู้ ห้องเรียนออนไลน์

3. เว็บเรียนภาษาอังกฤษฟรีออนไลน์ www.e4thai.com ท่านจะได้รับคำแนะนำเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆทั้งพูด อ่าน เขียน มีแบบฝึกหัดให้ลองทำ และดาวน์โหลด e-book ภาษาอังกฤษมาอ่านฟรี

4. เรียนฟรีเรื่องคอมพิวเตอร์และไอที 11 หลักสูตร กับกระทรวง ICT ที่ www.mict4u.net เนื้อหาวิชาได้แก่ การใช้และการดูแลคอมพิวเตอร์ การสร้างเว็บไซต์ การสร้างสื่อการเรียนรู้ e-book และ e-learning รวมถึงการทำธุรกิจออนไลน์ มีการฝึกอบรมทั้งปี กระจายไปตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ลองเข้าไปดูครับ

5. http://tv.truelife.com ท่านสามารถชมทีวีออนไลน์สดๆ หลายๆช่องได้ที่นี่ ทั้ง ช่อง 9 ช่อง 5 เนชั่น แชแนล สถานีข่าว 24 ชั่วโมง รายการเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินที่มันนี่ แชแนล มีรายการกีฬา เพลง เกมโชว์ ละคร เพื่อความบันเทิงด้วย

เว็บการศึกษาข้างต้นเปิดให้ใช้บริการฟรี แต่เรื่องการศึกษาสามารถทำเป็นธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่นเว็บสอนภาษา www.elearningseeker.com สอนวิชาภาษาอังกฤษ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และโปรแกรมกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ ค่าเรียนเริ่มต้นที่ 599 บาทต่อเดือน ทบทวนได้ 24 ชั่วโมง เรียน 30 วันไม่จำกัดชั่วโมงกับเจ้าของภาษา

การเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตกำลังพัฒนาไกลไปจนถึงขั้นปริญญาตรีและโท ที่ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย www.thaicyberu.go.th เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.มหิดล ม.ขอนแก่น ม.เชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทำการเรียนการสอนระบบ e-learning ผ่านอินเตอร์เน็ต

หลักสูตรปริญญาตรีที่อยู่ในระหว่างพัฒนาหลักสูตรได้แก่ วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาการพัฒนาซอฟท์แวร์ และ อุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์ หลักสูตรปริญญาโทได้แก่ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาคเอกชนเช่น มหาวิทยาลัยรังสิต www.rsu-cyberu.com เปิดปริญญาตรีและโทออนไลน์ 3 สาขาคือ หลักสูตรนิติศาสตร์, หลักสูตรผู้นำสังคม ธุรกิจและการเมือง และหลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ

การเรียนออนไลน์ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงมีคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงขุมความรู้เหล่านี้ได้ ผมว่านี่คือสิ่งที่รัฐบาลใหม่น่าจะให้การสนับสนุนมากกว่า แต่ก็อย่างว่าการทำเรื่องดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลานาน และไม่ใช่เรื่องหวือหวา สามารถนำไปใช้หาเสียงได้เหมือนกับการแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน

ซึ่งสุดท้ายผมว่าเด็กๆก็จะนำไปใช้เล่มเกมมากกว่าทำอย่างอื่น.