25 สิงหาคม 2554

5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษา และมหาวิทยาลัยออนไลน์

นโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเรื่องแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนทั่วประเทศ ก่อนที่จะปรับมาแจกให้เฉพาะชั้น ป.1 ก็กำลังจะเป็นเหมือนหลายๆนโยบายของพรรคนี้ที่ดูสวยหรู แต่ทำไม่ได้จริง เหตุที่ต้องการแจกแท็บเล็ตเขากล่าวว่าไม่ต้องการให้นักเรียนต้องหิ้วหนังสือไปโรงเรียนหนักเกินไป ดาวน์โหลดอีบุ๊คใส่แท็บเล็ตไปเรียนหนังสือสะดวกกว่า

ความจริงเด็กๆในชนบทซึ่งเป็นเด็กส่วนใหญ่ของประเทศ พวกเขาขาดแคลนเรื่องอื่นที่จำเป็นกว่านั้น ตัวอย่างเช่น โรงเรียนโคกหน้ากลอง แถวๆบ้านผม คุณครูมีจำนวนจำกัด ครูคนหนี่งต้องสอนหลายวิชา ดูแลหลายชั้นเรียน ตอนกลางวันยังต้องลงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวให้เด็กๆกินอีก เด็กบางคนเสื้อผ้าใส่มาโรงเรียนยังมีไม่พอด้วยซ้ำ

ผมว่าก่อนที่จะไปแจกเครื่องมือที่ใช้งานอย่างฉาบฉวยอย่างแท็บเล็ต เอาเรื่องคอมพิวเตอร์ให้เด็กๆมีใช้อย่างทั่วถึงกันก่อนดีกว่าไหม เงินจำนวนเท่าๆกัน เช่น 5,000 บาท อาจซื้อแท็บเล็ตที่ใช้งานได้ไม่กี่อย่าง แต่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้สารพัดอย่าง ถ้านักเรียนมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้ครบทุกคน การศึกษาไทยก็จะก้าวไกลไปอีกเยอะ

ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการอินเตอร์เน็ตตำบลหรืออินเตอร์เน็ตชุมชน เอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตั้งไว้แล้วก็ใช้กันไม่เป็น ไม่นานก็กลายเป็นวัตถุโบราณที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เสียงบประมาณเปล่า สิ่งเหล่านี้ทำเพียงเพื่อสนองนโยบาย โดยไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องอื่น เช่น การฝึกอบรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นต้น

ปัจจุบันมีเว็บดีๆเพื่อการศึกษาจำนวนมาก หากนักเรียนสามารถเรียนออนไลน์ได้ จะช่วยแบ่งเบาภาระครู และพอจะแก้ปัญหาครูขาดแคลนได้ระดับหนึ่ง การเรียนรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตดีกว่าโทรทัศน์ตรงที่มันเป็นการสื่อสาร 2 ทาง นักเรียนสามารถฝากคำถามเอาไว้ แล้วให้ครูมาตอบ หรือคุยโต้ตอบกันสดๆทาง msn , Facebook หรือโปรแกรมอื่นๆก็ได้

ต่อไปนี้คือ 5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษาที่ผมว่าน่าสนใจสำหรับศึกษาเรื่องต่างๆด้วยตนเอง

1. เว็บของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม www.dlf.ac.th ซึ่งมีรายการทีวีทางอินเตอร์เน็ตให้เลือกชมแยกเป็นชั้นเรียนทั้งประถมและมัธยม ตั้งแต่ ป.1-ม.6 ท่านสามารถเลือกชมรายการสดหรือรายการย้อนหลังก็ได้

2. เว็บวิชาคณิตศาสตร์ www.kanid.com ครบเครื่องเรื่องคณิต ทั้งสมการ อสมการ เวกเตอร์ แคลคูลัส ตรีโกณมิติ ฯลฯ มีทั้งเกม แบบทดสอบ คลังโจทย์ข้อสอบ เทคนิคการเรียน เว็บบอร์ดพูดคุย เกร็ดความรู้ ห้องเรียนออนไลน์

3. เว็บเรียนภาษาอังกฤษฟรีออนไลน์ www.e4thai.com ท่านจะได้รับคำแนะนำเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆทั้งพูด อ่าน เขียน มีแบบฝึกหัดให้ลองทำ และดาวน์โหลด e-book ภาษาอังกฤษมาอ่านฟรี

4. เรียนฟรีเรื่องคอมพิวเตอร์และไอที 11 หลักสูตร กับกระทรวง ICT ที่ www.mict4u.net เนื้อหาวิชาได้แก่ การใช้และการดูแลคอมพิวเตอร์ การสร้างเว็บไซต์ การสร้างสื่อการเรียนรู้ e-book และ e-learning รวมถึงการทำธุรกิจออนไลน์ มีการฝึกอบรมทั้งปี กระจายไปตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ลองเข้าไปดูครับ

5. http://tv.truelife.com ท่านสามารถชมทีวีออนไลน์สดๆ หลายๆช่องได้ที่นี่ ทั้ง ช่อง 9 ช่อง 5 เนชั่น แชแนล สถานีข่าว 24 ชั่วโมง รายการเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินที่มันนี่ แชแนล มีรายการกีฬา เพลง เกมโชว์ ละคร เพื่อความบันเทิงด้วย

เว็บการศึกษาข้างต้นเปิดให้ใช้บริการฟรี แต่เรื่องการศึกษาสามารถทำเป็นธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่นเว็บสอนภาษา www.elearningseeker.com สอนวิชาภาษาอังกฤษ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และโปรแกรมกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ ค่าเรียนเริ่มต้นที่ 599 บาทต่อเดือน ทบทวนได้ 24 ชั่วโมง เรียน 30 วันไม่จำกัดชั่วโมงกับเจ้าของภาษา

การเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตกำลังพัฒนาไกลไปจนถึงขั้นปริญญาตรีและโท ที่ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย www.thaicyberu.go.th เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.มหิดล ม.ขอนแก่น ม.เชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทำการเรียนการสอนระบบ e-learning ผ่านอินเตอร์เน็ต

หลักสูตรปริญญาตรีที่อยู่ในระหว่างพัฒนาหลักสูตรได้แก่ วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาการพัฒนาซอฟท์แวร์ และ อุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์ หลักสูตรปริญญาโทได้แก่ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาคเอกชนเช่น มหาวิทยาลัยรังสิต www.rsu-cyberu.com เปิดปริญญาตรีและโทออนไลน์ 3 สาขาคือ หลักสูตรนิติศาสตร์, หลักสูตรผู้นำสังคม ธุรกิจและการเมือง และหลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ

การเรียนออนไลน์ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงมีคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงขุมความรู้เหล่านี้ได้ ผมว่านี่คือสิ่งที่รัฐบาลใหม่น่าจะให้การสนับสนุนมากกว่า แต่ก็อย่างว่าการทำเรื่องดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลานาน และไม่ใช่เรื่องหวือหวา สามารถนำไปใช้หาเสียงได้เหมือนกับการแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน

ซึ่งสุดท้ายผมว่าเด็กๆก็จะนำไปใช้เล่มเกมมากกว่าทำอย่างอื่น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น