ถึงเวลานี้เวลาพบใครต่อใครเราคงไม่ถามคำถามเชยๆที่ว่า คุณมี Facebook หรือเปล่า เพราะกระแสนิยมของเว็บแห่งนี้ก็คล้ายเบอร์โทรศัพท์มือถือ บางคนมีมากกว่าหนึ่งบัญชีด้วยซ้ำ จะให้ดีควรถามว่าคุณมี “เพื่อน” ใน Facebook เท่าไหร่แล้วมากกว่า
ต้องยอมรับว่า Facebook ทำให้โลกของเรา “แคบ” ยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเรามีบัญชีกับ Facebook โปรแกรมมันจะแสดงผลให้เราพบเพื่อนมากมาย อาจจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนจังหวัดเดียวกัน เพื่อนของเพื่อน ฯลฯ
เพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปี ที่อยู่ เบอร์โทรหายไปหมดแล้ว แต่ก็ได้มาพบกันที่ Facebook คนไม่รู้จักแต่มีรสนิยมคล้ายๆกันก็คุยกัน ทักกันได้ กล่าวได้ว่า Facebook ทำให้เรามีเพื่อนมากขึ้น เผลอเดี๋ยวเดียวก็มีรายชื่อเพื่อนในบัญชีเป็นร้อยๆรายแล้ว
เพื่อนมีเยอะแล้ว มี “แฟน” ดีกว่า นั่นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเพลงอุดม แต้พานิช แต่เป็นสิ่งที่ผมคิดได้ก่อนเขียนคอลัมน์ครั้งนี้ เพราะแฟนที่ว่าหมายถึง “แฟนเพจ” ซึ่งก็คือบัญชีของ Facebook ในอีกลักษณะหนึ่ง
“แฟนเพจ”ของ Facebook มีลักษณะคล้ายๆเว็บแฟนคลับ มันเหมือนบัญชีบุคคลทั่วไปของ Facebook แต่ไม่ต้องมีการส่งคำขอเป็นเพื่อน แล้วรอการตอบรับ เพียงกดปุ่ม “ถูกใจ” ท่านก็มาสามารถมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นกับเครือข่ายสังคมนั้นได้ทันที
โดยทั่วไปแล้วคนเรามักมีหลายบทบาท ทั้งตำแหน่งในงานประจำ ครอบครัว ธุรกิจส่วนตัว งานสาธารณะกุศล Facebook ตอบสนองความต้องการนี้ด้วยการที่ให้คนๆหนึ่งนอกจากมีบัญชีส่วนบุคคลแล้ว ยังสามารถมีแฟนเพจได้อีกหลายบัญชี
เมื่อเราเขียนสิ่งใดลงในกระดานข้อความ มันจะปรากฏสู่สายตาเพื่อนในบัญชีของเราทั้งหมด เพื่อนๆได้รู้ความเป็นไปของกันและกันในเวลาอันรวดเร็ว สิ่งนี้เป็นเสน่ห์ทำให้ Facebook ได้รับความนิยมอย่างสูง
สำหรับใครที่ทำธุรกิจส่วนตัวและที่มีบัญชีบุคคลกับ Facebook อยู่แล้ว ท่านสามารถเพิ่มหน้าแฟนเพจสำหรับหาเพื่อนและว่าที่ลูกค้าขึ้นมาอีกบัญชีได้ เพราะเพื่อนทั่วๆไป เราก็คงอยากคุยเรื่องทั่วไป ไม่อยากนำเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
สมัครใช้งานฟรีที่ www.facebook.com/pages/create.php
ท่านสามารถสร้างแฟนเพจได้มากกว่า 1 บัญชี และบัญชีต่างๆที่จะสร้างขึ้นก็แบ่งออกเป็น 6 ประเภทตามวัตถุประสงค์การใช้งาน คือ ธุรกิจท้องถิ่น, บริษัทหรือองค์กร,ตรายี่ห้อหรือผลิตภัณฑ์, ศิลปินหรือบุคคลสาธารณะ, บันเทิง, และชุมชน ลองเข้าไปศึกษาดูนะครับ
Facebook เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก และให้ใช้งานฟรี นักธุรกิจใช้แฟนเพจสะสมลูกค้าและว่าที่ลูกค้า นักร้องนักแสดงใช้สะสมแฟนคลับ นักการเมืองใช้สะสมมวลชนเพื่อคะแนนเสียง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
www.facebook.com/bodyslamband แฟนเพจของนักร้องบอดี้สแลม มี 4.5 แสนคน
www.facebook.com/Beckham เดวิด เบคแฮม มี 8.6 ล้านคน
www.facebook.com/Abhisit.M.Vejjajiva นายกอภิสิทธิ์ มี 5.8 แสนคน
www.facebook.com/markzuckerberg มาร์ค เจ้าของเฟสบุ๊คมี 3.6 ล้านคน
Facebook ที่อยู่ในรูปองค์กรธุรกิจยังใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารแบบ 2 ทางกับลูกค้าได้ ใช้ประชาสัมพันธ์สินค้า ประกาศโปรโมชั่น หรือเชิญชวนคนให้ร่วมกิจกรรมต่างๆ การทำตลาดผ่าน Facebook จะมีเครื่องมือหลายอย่างทำให้เกิดการรับรู้ต่อๆกันไปไม่สิ้นสุด
เช่นมีปุ่ม “แบ่งปัน” ให้หัวข้อบนแฟนเพจนั้นขึ้นมาอยู่ที่ Facebook ของเราให้เพื่อนเห็น เมื่อเราแสดงความคิดเห็นในหน้าใด เพื่อนของเราก็จะเห็นด้วย เมื่อเพื่อนมาแสดงความเห็นต่อ เพื่อนของเพื่อนก็จะได้เห็นอีก
ข่าวสารข้อมูลจะแพร่กระจายไปจากจอ(คอมพิวเตอร์หรือมือถือ)หนึ่งไปยังเครื่องอื่นๆ จากเพื่อนสู่เพื่อน ปากต่อปาก เหมือนโรคติดต่อที่แพร่เชื้อไปในอากาศ(Viral Marketing) ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่าง แฟนเพจ บนเฟสบุ๊คที่ประสบความสำเร็จต่อไปนี้มีผู้มากดปุ่มถูกใจนับแสนราย
www.facebook.com/gthchannel แฟนเพจค่ายหนัง GTH จะคอยเปลี่ยนรูปประจำตัวเป็นหนังที่กำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด มีเมนูวีดีโอของเบื้องหลังการถ่ายทำ นักแสดงนำตอบปัญหาทางบ้าน มีอีเว้นต์ของสินค้าที่สนับสนุนรายการ มีคนกดปุ่มถูกใจ 3.4 แสนรายแล้ว
www.facebook.com/adaymagazine นิตยสารวัยรุ่นค่ายนี้ใช้สื่อออนไลน์ทำการตลาดเข้าได้ถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะธรรมชาติของนิตยสารจะอยู่ได้ด้วยโฆษณา ต้นทุนหนังสือแพงกว่าราคาขาย ยิ่งขายมากยิ่งขาดทุน แต่เมื่อมาอยู่บนเว็บตอนนี้มีคนกดปุ่มถูกใจแล้ว 1.5 แสนราย
www.facebook.com/StarbucksThailand กาแฟสัญชาติยุโรปที่มีสาขาทั่วโลก มีคนไทยหลงใหลในกลิ่นกาแฟอินเตอร์นี้ 1.1 แสนราย เฟสบุ๊คของสตาร์บั๊คประเทศไทยมีเว็บบอร์ดให้คนมาแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ และถามคำถาม
จากตัวอย่างสมมุติค่ายหนัง GTH ทำการตลาดจนคนที่เป็นแฟนคลับแค่ 1 ใน 3 อยากไปดูหนังเรื่องล่าสุด 100,000 คน ไปดูหนังตั๋ว 100 บาท หนังเรื่องนี้ทำรายได้แล้ว 10 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงหนังยังมีการทำประชาสัมพันธ์ทางช่องทางอื่นอีก ล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายสูงทั้งสิ้น
แฟนเพจของเฟสบุ๊คข้างต้นคงเป็นไอเดียให้ท่านสร้างแฟนเพจของคนเองขึ้นมาได้ นอกจากใช้เผยแพร่ข่าวสารแล้ว แฟนเพจยังใช้เป็นเครื่องมือพาคนเข้าเว็บไซต์ที่ท่านมีอยู่แล้วได้ด้วย ช่วยประหยัดค่าโฆษณาไปได้อีกมาก
อย่างนี้แล้วคงจะเห็นว่า “แฟน(เพจ)” บน Facebook ช่างน่าคบหาไม่แพ้เพื่อนคนอื่นๆเลยใช่ไหม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น