18 พฤศจิกายน 2554
โมบายเว็บค่ายกูเกิ้ล ใช้ทำธุรกิจฟรี
17 ตุลาคม 2554
เว็บเฉพาะกิจ
6 ตุลาคม 2554
ธุรกิจในช่วงวิกฤติ
25 สิงหาคม 2554
ทำเว็บธุรกิจให้เป็นเว็บ 2.0
สารานุกรมเสรี “วิกิพีเดีย” อธิบายว่า “เว็บไซต์ที่ออกแบบโดยใช้หลักการของเว็บ 2.0 ทำให้กลุ่มผู้ใช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์และร่วมมือกันในลักษณะของสื่อสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้สร้างเนื้อหาขึ้นเอง ต่างจาก เว็บ 1.0 ที่กลุ่มผู้ใช้ถูกจำกัดบทบาทโดยทำได้แค่เพียงการเยี่ยมชม หรือดูเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ...”
ตัวอย่างเว็บที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งหลายล้วนดำเนินการตามแนวทางนี้ เช่น เว็บวิกิพีเดีย www.wikipedia.org ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปช่วยกันเขียนสารานุกรมออนไลน์ขึ้นมา บล็อกต่างๆที่ให้ผู้เข้าชมแสดงความเห็นกับเนื้อหาของบล็อกได้ หรือเฟสบุ๊คที่เปิดโอกาสให้ทุกคนแบ่งปันเรื่องราว รูปถ่ายและคลิปวีดีโอ ให้แก่กันและกัน เป็นต้น
เมื่อเร็วๆนี้มีรายงานว่าผู้ใช้เฟสบุ๊คประเทศไทยขยับขึ้นไปอยู่ที่ 10 ล้านคนแล้ว เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ 2-3 เดือนมานี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละเกือบแสนคน แสดงให้เห็นว่า เฟสบุ๊คเริ่มมีอิทธิพลกับชีวิตคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นและวัยทำงาน อาจจะคุยกันผ่านช่องทางนี้มากกว่าคุยกันจริงๆเสียอีก
สำหรับผม เพื่อนสมัยประถม มัธยม ที่จากกันไป ไม่ได้เจอกันนาน ถูกเฟสบุ๊คขุดค้นมาให้เจอ เกือบจะหมดแล้ว มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นดีอยู่เหมือนกันที่ได้รับรู้ข่าวคราวของเพื่อนเก่า ว่าใครทำอะไร เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน บ้างก็อยู่ต่างจังหวัด บ้างก็อยู่ต่างประเทศ ปะเหมาะเจอกันจังๆที่เฟสบุ๊คก็แชตกันสดๆเป็นชั่วโมงให้หายคิดถึง
ปัจจัยที่ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากช่องทางการเข้าสู่อินเตอร์เน็ตมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตยี่ห้อต่างๆ ขนาดจอดรถติดไฟแดงยังคุยกันผ่านทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คได้ อะไรจะขนาดนั้น ไปไหนมาไหนเห็นเด็กวัยรุ่นจ้องโทรศัพท์มือถือจิ้มนิ้วกันวุ่นวาย
จากผลการวิจัยพบว่าเรื่องต่างๆที่เพื่อนแนะนำให้เพื่อน มีโอกาสสูงที่จะได้รับการตอบรับมากกว่าปฏิเสธ จึงไม่น่าแปลกใจที่เว็บทั้งหลายต่างก็เพิ่มปุ่ม “แบ่งปัน” ให้เพื่อนทั้งบนเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ สินค้าและบริการต่างๆเริ่มตบเท้าเข้ามาใช้บริการโฆษณาบนเฟสบุ๊ค จนค่าโฆษณาที่เว็บแห่งนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ลองมาดูตัวอย่างของเว็บชั้นนำในประเทศไทยที่ใช้ประโยชน์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค เว็บหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com สื่อแห่งนี้ส่งเสริมให้นักข่าวใช้ทวิตเตอร์รายงานข่าว จากนั้นก็นำมารีทวิตบนหน้าเว็บให้คนทั่วไปอ่าน นับว่าเป็นการรายงานข่าวอย่างฉับไวทันใจยิ่ง
เว็บหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ www.posttoday.com มีส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการรายงานสภาพการจราจรในกรุงเทพ ให้คนทั่วไปแชร์ต่อทางเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์ได้ เว็บทั้งสองแห่งข้างต้นยังมีการทำแบบสอบถามหรือโพลล์ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ แล้วคลิกดูผลโพลล์ได้ทันที
สำหรับเว็บมติชน www.matichon.co.th มีการนำเวทีแสดงความคิดเห็นหัวข้อต่างๆ มาไว้ที่หน้าแรก หลายความคิดเห็นสร้างสรรค์ น่าสนใจมากทีเดียว ผู้อ่านมีส่วนร่วม และเนื้อหาเว็บก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นวิธีการเดียวกับเว็บที่มีผู้เข้าชมเป็นหลักแสนอย่าง www.sanook.com และ www.mthai.com ทำงานอยู่
ลองเข้ามาดูเว็บที่ต้องอัพเดทข้อมูลข่าวสารแบบชั่วโมงต่อชั่วโมงอย่างเว็บราคายาง http://rakayang.net นอกจากเจ้าของเว็บจะนำข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับยางพาราขึ้นที่หน้าแรกแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมเว็บแชตกันสดๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร คนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่สนใจเรื่องดังกล่าวก็ได้อ่านกันเพลินๆ
วิธีการเชตกันสดๆมีหลายธุรกิจ เช่น อีเบย์และทรูนำไปใช้ในลักษณะคล้ายๆ
ถ้าต้องการให้ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นอาจใช้บริการที่ www.thailivechat.com มีทั้งแบบให้ใช้บริการฟรี และเสียเงินเดือนละ 400 บาท แน่นอนว่าอย่างหลังก็จะทำงานได้มากกว่า โปรแกรมนี้เป็นเจ้าของเดียวกับสถาบัน Netdesign
ปกติองค์กร บริษัท ห้างร้าน นอกจากจะมีเว็บของตนเองแล้วยังมีเฟสบุ๊คเพื่อสื่อสารอย่าง
ฉับไว และไม่เป็นทางการอีกด้วย ท่านสามารถเชื่อมเว็บองค์กรและเฟสบุ๊คเข้าด้วยกัน โดยเข้าไปที่ http://th-th.facebook.com/badges ลงทะเบียนเฟสบุ๊คแล้วนำ แล้วเลือกโค้ตจากที่นี่ไปติดที่เว็บหรือบล็อกของตนเอง
เมื่อท่านเขียนสิ่งต่างๆบนเฟสบุ๊ค สิ่งเหล่านั้นมันก็จะไปโชว์ที่เว็บของท่านด้วย ทำให้เว็บของท่านมีความเคลื่อนไหว ไม่น่าเบื่อและเป็นช่องทางให้ลูกค้าของท่านติดต่อท่านได้อีกทางหนึ่ง มีคำถาม ข้อสงสัย หรือสนใจเรื่องใดก็โพสต์ไว้ที่เฟสบุ๊คของท่านได้เลย
การทำให้เว็บไซต์ขององค์กรบริษัทของท่านปรับเปลี่ยนเป็นเว็บ 2.0 ด้วยการเพิ่มส่วนต่างๆให้ผู้เข้าชมเว็บได้มีส่วนร่วม อาทิ แชตคุยกันได้ หรือแสดงความเห็นบนเนื้อหา หรือกด Like ผ่านเฟสบุ๊คได้ ทำให้เว็บไม่จืดชืด ตื่นตาตื่นใจ และผู้เข้าชมเว็บรู้สึกผูกพัน อยากเข้ามาเชี่ยมชมเว็บในครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ
แล้ว(คง)ไม่นานผู้เข้าชมเว็บเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อท่านในท้ายที่สุด.
5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษา และมหาวิทยาลัยออนไลน์
นโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเรื่องแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนทั่วประเทศ ก่อนที่จะปรับมาแจกให้เฉพาะชั้น ป.1 ก็กำลังจะเป็นเหมือนหลายๆนโยบายของพรรคนี้ที่ดูสวยหรู แต่ทำไม่ได้จริง เหตุที่ต้องการแจกแท็บเล็ตเขากล่าวว่าไม่ต้องการให้นักเรียนต้องหิ้วหนังสือไปโรงเรียนหนักเกินไป ดาวน์โหลดอีบุ๊คใส่แท็บเล็ตไปเรียนหนังสือสะดวกกว่า
ความจริงเด็กๆในชนบทซึ่งเป็นเด็กส่วนใหญ่ของประเทศ พวกเขาขาดแคลนเรื่องอื่นที่จำเป็นกว่านั้น ตัวอย่างเช่น “โรงเรียนโคกหน้ากลอง” แถวๆบ้านผม คุณครูมีจำนวนจำกัด ครูคนหนี่งต้องสอนหลายวิชา ดูแลหลายชั้นเรียน ตอนกลางวันยังต้องลงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวให้เด็กๆกินอีก เด็กบางคนเสื้อผ้าใส่มาโรงเรียนยังมีไม่พอด้วยซ้ำ
ผมว่าก่อนที่จะไปแจกเครื่องมือที่ใช้งานอย่างฉาบฉวยอย่างแท็บเล็ต เอาเรื่องคอมพิวเตอร์ให้เด็กๆมีใช้อย่างทั่วถึงกันก่อนดีกว่าไหม เงินจำนวนเท่าๆกัน เช่น 5,000 บาท อาจซื้อแท็บเล็ตที่ใช้งานได้ไม่กี่อย่าง แต่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้สารพัดอย่าง ถ้านักเรียนมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้ครบทุกคน การศึกษาไทยก็จะก้าวไกลไปอีกเยอะ
ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการอินเตอร์เน็ตตำบลหรืออินเตอร์เน็ตชุมชน เอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตั้งไว้แล้วก็ใช้กันไม่เป็น ไม่นานก็กลายเป็นวัตถุโบราณที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เสียงบประมาณเปล่า สิ่งเหล่านี้ทำเพียงเพื่อสนองนโยบาย โดยไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องอื่น เช่น การฝึกอบรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นต้น
ปัจจุบันมีเว็บดีๆเพื่อการศึกษาจำนวนมาก หากนักเรียนสามารถเรียนออนไลน์ได้ จะช่วยแบ่งเบาภาระครู และพอจะแก้ปัญหาครูขาดแคลนได้ระดับหนึ่ง การเรียนรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตดีกว่าโทรทัศน์ตรงที่มันเป็นการสื่อสาร 2 ทาง นักเรียนสามารถฝากคำถามเอาไว้ แล้วให้ครูมาตอบ หรือคุยโต้ตอบกันสดๆทาง msn , Facebook หรือโปรแกรมอื่นๆก็ได้
ต่อไปนี้คือ 5 เว็บไซต์เพื่อการศึกษาที่ผมว่าน่าสนใจสำหรับศึกษาเรื่องต่างๆด้วยตนเอง
1. เว็บของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม www.dlf.ac.th ซึ่งมีรายการทีวีทางอินเตอร์เน็ตให้เลือกชมแยกเป็นชั้นเรียนทั้งประถมและมัธยม ตั้งแต่ ป.1-ม.6 ท่านสามารถเลือกชมรายการสดหรือรายการย้อนหลังก็ได้
2. เว็บวิชาคณิตศาสตร์ www.kanid.com ครบเครื่องเรื่องคณิต ทั้งสมการ อสมการ เวกเตอร์ แคลคูลัส ตรีโกณมิติ ฯลฯ มีทั้งเกม แบบทดสอบ คลังโจทย์ข้อสอบ เทคนิคการเรียน เว็บบอร์ดพูดคุย เกร็ดความรู้ ห้องเรียนออนไลน์
3. เว็บเรียนภาษาอังกฤษฟรีออนไลน์ www.e4thai.com ท่านจะได้รับคำแนะนำเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆทั้งพูด อ่าน เขียน มีแบบฝึกหัดให้ลองทำ และดาวน์โหลด e-book ภาษาอังกฤษมาอ่านฟรี
4. เรียนฟรีเรื่องคอมพิวเตอร์และไอที 11 หลักสูตร กับกระทรวง ICT ที่ www.mict4u.net เนื้อหาวิชาได้แก่ การใช้และการดูแลคอมพิวเตอร์ การสร้างเว็บไซต์ การสร้างสื่อการเรียนรู้ e-book และ e-learning รวมถึงการทำธุรกิจออนไลน์ มีการฝึกอบรมทั้งปี กระจายไปตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ลองเข้าไปดูครับ
5. http://tv.truelife.com ท่านสามารถชมทีวีออนไลน์สดๆ หลายๆช่องได้ที่นี่ ทั้ง ช่อง 9 ช่อง 5 เนชั่น แชแนล สถานีข่าว 24 ชั่วโมง รายการเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินที่มันนี่ แชแนล มีรายการกีฬา เพลง เกมโชว์ ละคร เพื่อความบันเทิงด้วย
เว็บการศึกษาข้างต้นเปิดให้ใช้บริการฟรี แต่เรื่องการศึกษาสามารถทำเป็นธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่นเว็บสอนภาษา www.elearningseeker.com สอนวิชาภาษาอังกฤษ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และโปรแกรมกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ ค่าเรียนเริ่มต้นที่ 599 บาทต่อเดือน ทบทวนได้ 24 ชั่วโมง เรียน 30 วันไม่จำกัดชั่วโมงกับเจ้าของภาษา
การเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตกำลังพัฒนาไกลไปจนถึงขั้นปริญญาตรีและโท ที่ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย www.thaicyberu.go.th เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.มหิดล ม.ขอนแก่น ม.เชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทำการเรียนการสอนระบบ e-learning ผ่านอินเตอร์เน็ต
หลักสูตรปริญญาตรีที่อยู่ในระหว่างพัฒนาหลักสูตรได้แก่ วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาการพัฒนาซอฟท์แวร์ และ อุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์ หลักสูตรปริญญาโทได้แก่ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาคเอกชนเช่น มหาวิทยาลัยรังสิต www.rsu-cyberu.com เปิดปริญญาตรีและโทออนไลน์ 3 สาขาคือ หลักสูตรนิติศาสตร์, หลักสูตรผู้นำสังคม ธุรกิจและการเมือง และหลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การเรียนออนไลน์ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงมีคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงขุมความรู้เหล่านี้ได้ ผมว่านี่คือสิ่งที่รัฐบาลใหม่น่าจะให้การสนับสนุนมากกว่า แต่ก็อย่างว่าการทำเรื่องดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลานาน และไม่ใช่เรื่องหวือหวา สามารถนำไปใช้หาเสียงได้เหมือนกับการแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน
ซึ่งสุดท้ายผมว่าเด็กๆก็จะนำไปใช้เล่มเกมมากกว่าทำอย่างอื่น.
8 กรกฎาคม 2554
โพลล์ออนไลน์ และเว็บฟรีค่ายกูเกิ้ล
การเลือกตั้งที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่ดำเนินการควบคู่กับการหาเสียงของพรรคการเมืองคือ ผลการสำรวจความคิดเห็นของสำนักต่างๆ ทั้ง เอแบคโพลล์ สวนดุสิตโพลล์ พบว่าผลการสำรวจเป็นไปตามที่โพลล์ทำนายไว้คือพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. มากที่สุด
ประโยชน์ของการทำโพลล์ คือเป็นการเช็คกระแสความรู้สึก ความต้องการของสังคมว่าช่วงเวลานั้นกลุ่มเป้าหมายคิดหรือรู้สึกอย่างไร โพลล์ใช้ทำนายผลลัพท์ล่วงหน้า ผลที่ได้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินกลยุทธ์ต่างๆได้มากมายทั้ง เรื่องการเมือง สังคม และธุรกิจ
พบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการหาเสียงอย่างมากมาย และในทุกช่องทาง ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ลงโฆษณาออนไลน์ทั้งกูเกิ้ล เฟสบุ๊ค มีการถ่ายทอดสดการปราศรัยทางอินเตอร์เน็ต นำภาพกิจกรรมหาเสียงในที่ต่างๆอัพโหลดขึ้นเว็บทุกวัน ดึงแฟนคลับเข้ามามีส่วนร่วมถล่มทลาย
ปัจจุบันประชากรบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองข้ามอีกแล้ว เพราะนับวันมันยิ่งเติบโต หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในไซเบอร์สเปซกลายเป็นกระแสนิยม เช่น เรื่องแพลงกิ้ง(ทำท่าคนตายนอนคว่ำตัวแข็ง)ที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์นำไปเล่นตอนหาเสียง ทำให้ “ได้ใจ”แล้วคงได้คะแนนเสียงจากวัยรุ่นไปไม่น้อย
คุยกันเล่นๆว่ากลยุทธ์เหล่านี้หากใช้กับธุรกิจ มันคงสร้างยอดขายหรือเสียงตอบรับให้กับเจ้าของกิจการอย่างมากมายภายในระยะเวลาแค่เดือนเศษเท่านั้น
มาถึงเรื่องการใช้โพลล์ในเชิงธุรกิจ เมื่อต้องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งใช้เงินลงทุนมหาศาล เพื่อป้องกันการผิดพลาด อาจเริ่มต้นที่การสำรวจความคิดเห็นก่อน เช่นเรื่องความพึงพอใจในรูปลักษณ์ สี กลิ่น รส สัมผัส หรือเรื่องราคาที่เหมาะสม เป็นต้น
ตัวอย่างเพื่อนของผมกำลังอยากจะทำร้านอาหาร ผมแนะนำว่าให้สำรวจข้อมูล ความต้องการของคนในย่านนั้นก่อน เริ่มง่ายๆเช่นสำรวจร้านอาหารคู่แข่งในย่านเดียวกัน คนแถวนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร รายได้เท่าไร่ การศึกษาชั้นไหน รสนิยมเป็นอย่างไรเป็นต้น
ข้อมูลเหล่านี้หากทำอย่างง่ายๆได้แก่การออกไปสอบถามพูดคุยด้วยตนเอง หากต้องการข้อมูลลึกๆปริมาณมาก และรอบด้าน ก็คงต้องจ้างบริษัทที่ทำวิจัยการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลจากผู้ให้สัมภาษณ์เป็นหลักพันคนขึ้นไป
ความแม่นยำของโพลล์หรือผลการสำรวจความคิดเห็น วัดได้จากผู้ที่ทำโพลล์ว่ามีปริมาณมากพอ และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าคุณสมบัติผู้ตอบโพลล์ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีปริมาณมากพอ ผลของโพลล์นั้นก็จะมีความแม่นยำสูง
สำหรับเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ยังไม่มีทุนทรัพย์มากพออาจทำโพลล์ออนไลน์ทางเฟสบุ๊คได้ โดยใช้แอพพลิเคชั่น poll โดยพิมพ์คำว่า poll ในช่องค้นหา แล้วกดปุ่มอนุญาตให้แอพนี้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว จากนั้นคุณก็สามารถทำโพลล์ขึ้นมาเองได้
สร้างคำถาม แล้วสร้างคำตอบ เป็นช้อยส์ให้เลือก จากนั้นก็เผยแพร่ในเฟสบุ๊ค ให้เพื่อนๆช่วยกันแสดงความคิดเห็น ท่านก็จะได้ข้อมูลชุดหนึ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไป โพลล์ที่ทำที่นี่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายได้ ทำให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ท่านอาจสร้างแรงจูงใจในการทำโพลล์ด้วยการให้รางวัล ถ้าของรางวัลมีเยอะก็ให้กับทุกคนที่ตอบโพลล์ แต่ถ้าของรางวัลน้อยมีมูลค่าสูงก็อาจจะเป็นการสุ่มให้รางวัลก็ได้
หากต้องการคำถามเชิงลึกหลายๆข้อ ท่านอาจสร้างแบบสอบถามที่ กูเกิ้ลด็อคhttps://docs.google.com แล้วเลือกสร้าง Form ระบุคำถามและคำตอบต่างๆ โดยทำได้หลายข้อ ก่อนที่จะส่งแบบฟอร์มนี้ไปให้เพื่อนๆตอบ
ช่วงนี้ทางกูเกิ้ลมีความเคลื่อนไหวต่างๆที่น่าสนใจ เช่น การที่จะเปิดตัว กูเกิ้ลพลัส https://plus.google.com เครือข่ายสังคมออนไลน์ออกมาแข่งกับ Facebook กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ โปรดรอด้วยความระทึก
ข่าวดีสำหรับ SMEs ไทยก็คือ กูเกิ้ล ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, สสว, Webiz, Dotarai ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำธุรกิจของตนเองเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต กับ www.goonline.in.th
โดยท่านสามารถสร้างเว็บไซต์ฟรีที่นี่ ใช้โดเมนฟรี 1 ปี(เว็บนามสกุล .in.th และ .co.th) โปรโมทธุรกิจใน Google Maps และมีเครดิตให้ลองโฆษณาในกูเกิ้ลฟรีมูลค่า 3,000 บาท พร้อมอบรมสอนการใช้งานให้ฟรีอีกต่างหาก มีศูนย์ประสานงานในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ สนใจโทร 02 257 7299
เว็บที่สร้างขึ้นที่นี่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เรียนรู้และปรับแต่งได้ด้วยตนเอง ตัวอย่างเว็บ www.anyroom.in.th ร้านเฟอร์นิเจอร์มีดีไซน์ บนสยามดิสคัฟเวอรี่ ของคุณ
นับว่ากูเกิ้ลทุ่มทุนสร้างเป็นอย่างมาก เจ้าของกิจการทั้งหลายไม่ควรพลาด หลังจากเสียส่วนแบ่งการตลาดด้านโฆษณาออนไลน์ให้กับเฟสบุ๊ค นี่คงเป็นอีกความพยายามหนึ่งของกูเกิ้ลที่จะดึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆเข้ามาใช้บริการ เพื่อเป็นลูกค้าต่อไป
หวังว่าเรื่องโพลล์ออนไลน์ และเว็บไซต์ฟรีค่ายกูเกิ้ลที่แนะนำในครั้งนี้ คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจทำธุรกิจในโลกออนไลน์ทุกท่าน พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ
E-book ช่องทางสร้างรายได้ ของนัก(อยาก)เขียน
ช่วงนี้ผมมีเหตุให้ต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด จึงต้องเปิดเว็บข่าวของสำนักต่างๆอ่านถี่ยิบทั้งเช้าค่ำ พบว่าข่าวจากเว็บสื่อสิ่งพิมพ์จะให้ข้อมูลอย่างย่อและจำกัด อ่านแล้วไม่จุใจจึงมีความคิดจะสมัครซื้อหนังสือพิมพ์ออนไลน์มาอ่าน เพราะแผงหนังสือแถวบ้านผมที่ต่างจังหวัดหาซื้อหนังสือแนวนี้ยากมาก
ตอนที่แล้วคอลัมน์นี้บอกว่ายอดขายอีบุ๊คของเว็บอเมซอนแซงหน้าหนังสือกระดาษจริงๆไปแล้ว แนวโน้มของธุรกิจหนังสือที่ไหนๆก็คงเป็นเช่นนี้ คนอ่านหนังสือจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งจากจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารอื่น เพราะมันสะดวกง่ายดายไม่ต้องถือหนังสือหนักๆหลายๆเล่มไปไหนมาไหน
นิตยสารและหนังสือพิมพ์ดังๆกำลังปรับตัวเข้าสู่อีบุ๊ค ข้อดีของสำนักพิมพ์คือไม่ต้องลงทุนพิมพ์หนังสือออกมาเป็นเล่มๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าหรือการจัดจำหน่าย แต่สามารถขายให้กับลูกค้าที่ต้องการอ่านหนังสือดาวน์โหลดไปอ่านได้จากทุกที่ทั่วโลก
ขณะนี้มีนักเขียนออนไลน์แจ้งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เคยได้ยินว่าวัยรุ่นญี่ปุ่นชอบอ่านนิยายที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้นักเขียนออนไลน์ญี่ปุ่นล่ำซำกันทั่วหน้า ผลิตงานกันแทบไม่ทัน เพราะได้ค่าลิขสิทธิ์เป็นกอบเป็นกำจากการดาวน์โหลด
เรื่องแบบนี้มีคนมาปรึกษาผมหลายคน ทำนองว่าเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งจะจัดพิมพ์ หรือเสนอสำนักพิมพ์ยังไง คำแนะนำของผมคือเสนอให้สำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือแนวเดียวกับที่เราเขียนพิจารณา แล้วรอคำตอบ ถ้าได้พิมพ์ก็รอรับตังค์ ถ้าไม่ได้พิมพ์ก็เสนอที่อื่นต่อไป
ถ้าหากมีทุนรอนพิมพ์หนังสือเองก็พิมพ์มันขึ้นมาเลยครับ หาคนมาจัดอาร์ตเวิร์ค ทำปกสวยๆ หาโรงพิมพ์ ทำออกมาเป็นเล่มแล้วจึงติดต่อบริษัทจัดจำหน่าย รายใหญ่ๆของบ้านเราก็ได้แก่ซีเอ็ด อัมรินทร์ หรือจะใช้บริการเครือมติชนก็มี บริษัทงานดี จำกัดนั่นเอง
การพิมพ์หนังสือ 1 เล่มท่านอาจจะใช้เงินหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน เพราะต้นทุนค่ากระดาษมีราคาสูงมาก ถ้าพิมพ์จำนวนน้อยต้นทุนต่อเล่มก็จะสูง พิมพ์มากถึงต้นทุนต่อเล่มถูก แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่นพิมพ์ 1,000 เล่ม อาจจะเล่มละ 50 บาท ใช้เงินทั้งหมด 50,000 บาท แต่ถ้าพิมพ์ 3,000 เล่มถึงจะเล่มละ 30 บาท แต่ใช้เงิน 90,000 บาท
แต่ความจริงท่านสามารถลองตลาดผลงานเขียนของท่านด้วยการทำเป็น ebook ให้คนลองดาวน์โหลดไปอ่านดูก่อนได้ อาจจะทำสัก 1-2 บท ถ้าได้รับความนิยม จึงค่อยทำเป็น ebook ฉบับเต็มวางขายเสียเลย
ต้นทุนการทำ ebook แทบไม่ต้องใช้เงินเลย หรืออย่างมากก็หลักพันบาท มันจึงเป็นเหตุผลให้ ebook ถูกกว่าหนังสือที่เป็นกระดาษจริงๆ กว่าครึ่ง คนอ่านได้อ่านหนังสือราคาถูก ผู้ผลิตก็ไม่ต้องลงทุนเยอะวินๆกันทั้ง 2 ฝ่าย
ท่านสามารถสร้าง ebook ได้ที่ www.ilovelibrary.com มีโปรแกรมสำหรับสร้าง ebook ให้ใช้งานฟรี สำหรับ ebook ที่ให้ดาวน์โหลดอ่านฟรี แต่ถ้าจะทำอีบุ๊คขายก็จะต้องซื้อโปรแกรมอีกแบบหนึ่งค่าใช้จ่ายไม่มากอย่างที่ว่า ลองโทรไปปรึกษาเขาดูครับ ข้อดีของอีบุ๊คที่สร้างขึ้นที่นี่คือจะมีการพลิกหน้าอ่านได้ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือจริงๆ
ท่านสามารถสร้าง ebook ที่อ่านได้ด้วย iPad สมาร์ตโฟน หรือ อุปกรณ์สื่อสารอื่นได้ที่ www.ebooks.in.th มี ebook ทั้งแบบอ่านฟรี และเสียเงินซื้อ อีบุ๊คของที่นี่ไม่ต้องใช้โปรแกรมการสร้างที่ซับซ้อนเพราะเป็นไฟล์นามสกุล pdf ท่านสามารถเปลี่ยนไฟล์เป็นนามสกุล pdf ได้ที่ www.primopdf.com
เมื่อท่านสร้าง ebook ได้ชำนาญแล้ว ท่านอาจจะรับจ้างสร้าง ebook ได้ค่าแรงเป็นเล่มๆ หรือตั้งตนเป็นสำนักพิมพ์ที่ทำ ebook ขายเลยก็ได้ ถ้าท่านมีเว็บของตนเองอยู่แล้ว ท่านสามารถนำโค้ดจากเว็บ ebook ทั้ง 2 แห่งข้างต้น ไปติดที่เว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงมายังอีบุ๊คของท่าน
แต่ต้องยอมรับก่อนว่ากระแสอีบุ๊คสำหรับประเทศไทยยังไม่แรงนัก คนทั่วไปนิยมอ่านฟรี แต่ถ้าให้เสียเงินซื้ออาจจะลำบากสักหน่อย อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักเล็กน้อย แต่ถ้า ebook ของท่านเป็นเรื่องเฉพาะที่หาอ่านทั่วไปไม่ได้ง่ายๆ และคนต้องการรู้ ก็น่าจะขายได้ดี
คนชอบเขียนหนังสืออาจจะมีรายได้อีกทางจากการเขียนบล็อกที่ www.blogger.com แล้วนำโฆษณาของกูเกิ้ลมาติด แล้วจะมีได้รายได้จากคนที่เข้ามาอ่านบล็อกแล้วคลิกโฆษณา โดยสมัครเอาโฆษณาของกูเกิ้ลมาติดได้ที่ http://google.com/adsense
ตัวอย่างของบล็อกแบบนี้คือ http://athichen.blogspot.com บล็อก “เรื่องประกอบ” รวบรวมบทกวีและนิทานของผู้ใช้นามปากกาว่า “อาทิเช่น”
อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ยากในประเทศไทยเพราะผลตอบแทนน้อย ถ้าผลงานไม่ได้ตีพิมพ์ก็ขาดรายได้ แต่โลกออนไลน์เปิดโอกาสให้กับนักเขียนได้แสดงฝีมือ เผยแพร่ผลงาน และมีโอกาสมีรายได้อีกทางหนึ่งได้อีกด้วย
แม้ว่าช่วงต้นอาจจะยังได้ไม่มากมายนัก แต่ก็ทำให้การเดินทางบนถนนนักเขียนไม่เดียวดาย และแร้นแค้นเกินไปนัก.
11 มิถุนายน 2554
โมบายเว็บ CamStudio และ ebook
ในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหว ต้องไปถอยแท็บเล็ตออกมา 1 เครื่อง ซัมซุงกาแล็กซี่แท็ป เหตุที่ซื้อยี่ห้อนี้ เพราะมันทำงานได้สารพัดทั้งเล่นเน็ต ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ ขนาดเหมาะมือ พกสะดวก เหมือนเป็นทั้งคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือในเครื่องเดียวกัน โปรแกรมต่างๆก็ให้ใช้งานฟรี ไม่เหมือนไอแพดจะใช้งานอะไรก็ต้องซื้อตลอด
แต่หลังซื้อเพียง 2 สัปดาห์ราคาร่วงลงมาอีก 2 พันบาท เซ็งเลย
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของแท็ปเล็ตคือมันมีแบตเตอรี่ยาวนาน เมื่อไม่ใช้งานมันจะเข้าสู่ระบบเซฟโหมดเหมือนโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องคอยปิดเปิดเครื่องเหมือนโน้ตบุ๊ค แทปเล็ตและสมาร์ตโฟนทั้งหลายจึงทำให้การออนไลน์เป็นไปอย่างสะดวกง่ายดาย โพส์ตข้อความ ถ่ายรูปแล้วอัพโหลดขึ้นเฟสบุ๊ค ถ่ายวีดีโอแล้วอัพโหลดขึ้นยูทูป ไม่เกิน 10 นาทีเรียบร้อย
เมื่อได้ลองใช้แท็บเล็ตท่องเว็บพบว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คก็ยังดีกว่าวันยังค่ำ แท็ปเล็ตได้คะแนนเรื่องความรวดเร็วสะดวกสบายเท่านั้น โปรแกรมที่ใช้บนแท็บเล็ตก็เพียงแค่ทำงานได้อย่างหยาบๆ หากต้องการทำงานละเอียดก็ต้องไปทำที่เครื่องคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่อยู่ดี
เรื่องของเทคโนโลยี บางคนก็ซื้อเพราะเป็นแฟชั่น เห็นคนอื่นมีก็อยากมีบ้าง ใช้งานจริงๆไม่เป็น หรือซื้อมาใช้งานเพียงไม่กี่อย่าง ไม่คุ้มกับความสามารถที่มันมี เช่น ซื้อไอโฟน แต่ใช้เพียงรับสาย กับโทรออก อย่างนี้ซื้อเครื่องโทรศัพท์มือถือเครื่องละ 1 พันบาทก็พอไม่ต้องถึง 2-3 หมื่น
สิ่งต่างๆมักสวนทางกันเช่นนี้คือเด็กๆเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีกำลังซื้อ ขณะที่ผู้ใหญ่มีกำลังซื้อแต่มักใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นไม่ค่อยเป็น ที่เนเธอร์แลนด์จึงมีบริการพิเศษให้เด็กๆรับจ็อบสอนการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้กับผู้ใหญ่ ลองเข้าไปเยี่ยมชมกิจการได้ที่ www.bellendoejezo.com นับว่าเข้าท่าทีเดียว
ใครจะเอาไอเดียนี้มาทำธุรกิจของตัวเองที่เมืองไทยบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดจะทำวีดีโอสอนเรื่องเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตเล็กๆน้อยๆ โดยใช้โปรแกรมที่จับภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำเป็นวีดีโอ พบว่าต้องใช้โปรแกรม Camtasia Studio เขาให้ใช้งานฟรีเพียง 30 วัน หลังจากนั้นก็ต้องซื้อเป็นเงินเกือบหมื่นบาท
หากคิดจะ “ลักไก่” ด้วยการหาโปรแกรมที่ปลดล็อคมาใช้งาน หรือลงทะเบียนในชื่อใหม่ทุกๆ 30 วัน ก็รู้สึกว่าเป็นการเอาเปรียบเจ้าของโปรแกรมมากเกินไป จึงรีๆรอๆไม่ได้ดำเนินการอะไรสักอย่าง
ผมดีใจมากเมื่อวันหนึ่งเข้าเว็บ https://chrome.google.com/webstore แล้วพบโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพการทำงานเหมือนโปรแกรม Camtasia Studio มันชื่อโปรแกรม CamStudio ให้ใช้งานฟรี จึงลองดาวน์โหลดมาใช้ดู พบว่าไม่ผิดหวัง เพียงแต่ว่าขณะที่โปรแกรมทำงานเราต้องออนไลน์อยู่เท่านั้นเอง
โทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ตมีกล้องที่สามารถบันทึกวีดีโอต่างๆได้ แต่การจะบันทึกภาพที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องใช้โปรแกรมโดยเฉพาะ เพื่อความคมชัด และสวยงาม CamStudio เหมาะมากและใช้งานง่าย ถ้าท่านเป็นครูหรือติวเตอร์ท่านสามารถทำวีดีโออธิบายวิชาต่างๆ ใช้ลูกศิษย์ชมได้
ถ้าท่านเป็นเจ้าของธุรกิจท่านก็สามารถพรีเซ้นต์สินค้าและบริการของท่านด้วยวีดีโอนี้ รูปภาพต่างๆที่ท่านถ่ายมาแทนที่จะทำเป็นสไลด์เฉยๆ ท่านสามารถแทรกเสียงบรรยาย ใส่เพลงประกอบได้ด้วยโปรแกรมนี้ เมื่อทำวีดีโอเสร็จเสร็จแล้วต้องการเผยแพร่สู่สาธารณะ ก็อัพโหลดขึ้นเฟสบุ๊คหรือยูทูปให้คนทั่วไปชมได้อีกด้วย
นับวันผู้คนที่ออนไลน์ด้วยสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตมีมากยิ่งขึ้น เว็บที่เปิดด้วยอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นแบบย่อส่วน ไม่เต็มรูปแบบเหมือนเว็บที่เปิดด้วยคอมพิวแตอร์ทั่วไป เว็บเหล่านี้เรียกว่า Mobile Website ท่านสามารถสร้างได้ที่ http://moably.com หรือ http://winksite.com
ท่านที่สร้าง Mobile Website แล้วสามารถนำโฆษณาของกูเกิ้ลไปติดที่เว็บของท่านเพื่อสร้างรายได้ได้อีกด้วย เพราะเมื่อเร็วๆนี้กูเกิ้ลได้เพิ่ม Google Adsense สำหรับเนื้อหาบนมือถือขึ้นมาอีกรายการหนึ่ง คงได้รับความนิยมอย่างสูงในไม่ช้า
แนวโน้มเรื่องออการออนไลน์ด้วยโทรศัพท์มือถือทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมขานรับไปตามกระแส เช่น กูเกิ้ลมือถือ www.google.com/intl/th_ALL/mobile มีโปรแกรมต่างๆที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายบนโทรศัพท์มือถือ ทั้ง iPhone, BlackBerry,Nogia S60,Android และอื่นๆ
ตั้งข้อสังเกตว่าโปรแกรมต่างๆที่มาจากกูเกิ้ลมักให้ใช้บริการฟรี เช่น มือถือหรือแท็ปเล็ตตระกูลแอนดรอยด์ ผิดกับอุปกรณ์ที่มาจากแอ๊ปเปิ้ลอย่าง iPhone หรือ iPad จะใช้งานโปรแกรมอะไรสักอย่างหนึ่งก็ต้องเสียเงินซื้อ
แต่ปัจจุบันการควักเงินซื้อโปรแกรมบางอย่างมาใช้งานก็ไม่เป็นเรื่อง “ยาก” หรือ “แปลก”อีกต่อไปแล้ว ข้อดีของมันคือทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมหรือแอฟพิเคชั่นมีแรงจูงใจในการทำงาน เราจะได้มีโปรแกรมเจ๋งๆไว้ใช้
ที่เห็นคนไทยทำอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็คือการทำนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ในรูปแบบ ebook อ่านได้บนไอแพด และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เสียค่าบริการถูกกว่าซื้อหนังสือกระดาษจริงเช่น โพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/e-paper.php, กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/home/services/i-news
ตบท้ายด้วยข่าว 2 ที่อ่านพบเมื่อเร็วๆนี้ คือ นิตยสารเพลย์บอย นิตยสารผู้ชายคลาสิกของโลกปรับตัวเข้าสู่ ebook แล้วสามารถอ่านได้บน iPad เป็นสมาชิกเริ่มต้นที่เดือนละ 8 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐเท่านั้น ที่ http://i.playboy.com สิ่งนี้ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับข่าวที่ 2 ที่ว่ายอดขาย ebook แซงหน้าหนังสือที่เป็นกระดาษจริงแล้ว
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนเว็บค้าขายระดับโลกอย่าง www.amazon.com
21 พฤษภาคม 2554
อินเตอร์เน็ตทีวี มาแล้ว มาแรง
เมื่อเร็วๆนี้ เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเรื่องของ “เรยา” ในละครดอกส้มสีทอง ว่าสมควรจะถูกเซ็นเซอร์หรือไม่ เพราะกลัวว่าเยาวชนจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง สำหรับความเห็นของผม ผมว่าหลายเรื่องในทีวี อาทิ การปล่อยให้ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีบางคนออกมาพูดโกหก ตลบตะแลง ให้ร้ายคนอื่น อย่างไร้ยางอาย น่าเซ็นเซอร์มากกว่า แต่ไม่ยักทำ
มันเป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน มีผู้ชมจึงมีการผลิตรายการอย่างที่ว่า ละครบางเรื่องฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเน่าเหลือเกิน แต่ก็มีคนดู ผมเชื่อว่าเยาวชนสมัยนี้ฉลาด มีวิจารณญาณ รู้จักเลือกครับ ผมเองตอนนี้ก็เลิกดูทีวีไปนานแล้ว เพราะขี้เกียจดูหนังโฆษณา กว่าจะได้ดูละครหรือรายการสักตอนหนึ่ง ชมโฆษณาจนลืมไปว่าตอนที่ผ่านมาไปถึงไหนแล้ว
ตอนนี้ละครทีวีหรือรายการโทรทัศน์หลายๆรายการมีการทำเป็นคลิปขึ้นเว็บ ให้เรารับชมย้อนหลังได้ทางอินเตอร์เน็ต ข้อดีของการรับชมทางอินเตอร์เน็ตคือเราสามารถเลือกดูเฉพาะสิ่งที่เราสนใจเท่านั้น ลองติดตามที่ ช่อง 3 www.thaitv3.com, ช่อง 5 www.tv5.co.th, ช่อง 7 www.ch7.com, ช่อง 9 www.mcot.net
การที่ผู้ชมสามารถกำหนดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะดูได้ทางอินเตอร์เน็ตทีวี ทำให้เขาตั้งใจดูกว่าทางทีวีทั่วไป ซึ่งมักเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วทำธุระอย่างอื่นไปพร้อมๆกัน ดูบ้างไม่ดูบ้าง สิ่งนี้กลายเป็นจุดขายโฆษณาสำคัญของสื่อทางอินเตอร์เน็ต เว็บอินเตอร์เน็ตทีวีหลายรายการขายโฆษณาได้แล้ว บ้างก็เป็นโฆษณาภาพแปะบนเว็บ บ้างก็เป็นคลิปโฆษณาก่อนเข้าสู่รายการ
เราอาจเคยเห็นละครซิตคอมหลายเรื่องโฆษณาสินค้าแฝงในละคร เป็นอุปกรณ์ตกแต่งฉาก อยู่ในประโยคสนทนาของตัวเอกและอื่นๆอีกสารพัด ลองดู www.sausagemansion.com ละครซอสเสจแมนชั่น เป็นซิตคอมที่รับชมได้ทางอินเตอร์เน็ต ทำขึ้นเพื่อโฆษณาไส้กรอกของซีพี พระเอกเป็นชื่อไส้กรอก นางเอกชื่อทัพพี สนุกดีทีเดียวเชียว
เดี๋ยวนี้แม้แต่เว็บของสื่อสิ่งพิมพ์เกือบทุกแห่งก็จะมีคลิบข่าวให้คนรับชม เพราะต้องยอมรับว่าการดูภาพเคลื่อนไหวน่าสนใจกว่าการมีแต่ตัวหนังสือและภาพนิ่ง ตัวอย่างเช่น เว็บของมติชน www.matichon.co.th และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com ต่อไปเมื่อนักข่าวเมื่อไปสัมภาษณ์แหล่งข่าว เขาคงต้องบันทึกคลิปการสัมภาษณ์ไปลงที่เว็บด้วย
ตัวอย่างของคนทำนิตยสารที่ขยับมาทำอินเตอร์เน็ตทีวี คือวงค์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร aday ตอนนี้เขาทำรายการทีวีทางอินเตอร์เน็ตชื่อ aHere ทาง www.ihere.tv เป็นรายการสัมภาษณ์คนที่เขาอยากจะคุยด้วยตามสไตล์ของเขา แขกรับเชิญรายการที่ผ่านมาได้แก่ เนวิน ชิดชอบ ตูน บอดี้สแลม และตัน ไม่ตัน(โออิชิ)
www.ihere.tv ปัจจุบันมีผู้เข้าชม 18 ล้านคนแล้ว รายการยอดนิยมได้แก่ “เจาะข่าวตื้น” โดย จอห์น วิญญู สโลแกนของรายการคือ “ดูถูกสติปัญญา” เนื้อหารายการจะเสียดสีสังคม ประชดการเมือง ด้วยลีลากวนๆ ขำๆ ยียวน สนุกสนาน มีคนติดตามมากมาย ได้ข่าวว่ารายการนี้โด่งดังจนกำลังจะได้ไปฉายในรายการทีวีจริงๆแล้ว
อินเตอร์เน็ตทีวีเป็นเวทีให้เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงหลายคนได้แสดงออก อาทิ น้องปลื้ม (ลูกชายคุณ
www.fukduk.tv เป็นทีวีทางอินเตอร์เน็ตรุ่นบุกเบิกของเมืองไทย มีหลายรายการ อาทิ รายการ “มหาเนิร์ด” เกี่ยวกับ IT และเทคโนโลยี รายการ”บางกอกกลิ้ง” ท่องเที่ยวกรุงเทพ “กำไข่ ใส่ข่าว” ประเด็นสังคม “ชิวหาพาชิม” เรื่องอาหารการกิน เป็นรายการทีวีทางเลือกโดยคนรุ่นใหม่ ลองเข้าไปรับชมได้ครับ
แท็บเล็ตและสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆที่ออกมาทำให้การออนไลน์เป็นเรื่องง่ายขึ้น อัพโหลดภาพ โพสต์ข้อความ หรือบันทึกคลิปวีดีโด แล้วเอาขึ้นเว็บ ใช้เวลาแป๊บเดียวเท่านั้น ตัวอย่างอินเตอร์เน็ตทีวีที่กล่าวมาข้างต้นมีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย มีการตัดต่อ ใส่เพลงประกอบ มีเอฟเฟค น่าตื่นตาตื่นใจ คนธรรมดาทั่วๆไปทำไม่ได้ง่ายๆ แต่ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้
รายการครัวกากๆ www.gaggag.tv โดย เชฟหมี ชายอ้วนใส่เสื้อกล้าม สวมแว่นสีชามาแสดงวิธีการทำอาหารโดยใช้ของเหลือๆจากตู้เย็น ถ่ายทำโดยกล้องธรรมดา หรืออาจจะเป็นโทรศัพท์มือถือด้วยซ้ำ ใครๆก็ทำได้ สำคัญที่เนื้อหามากกว่า พิธีกรพูดไปสบถไป แต่คลิปนี้มีผู้เข้าชมนับล้านคนแล้ว
เชฟหมี เป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คิดทำรายการนี้ขึ้นมาเพราะวันหนึ่งไปค้างบ้านเพื่อนแล้วตื่นขึ้นมาหิว แต่ไม่อยากลงไปซื้อของกินข้างล่าง จึงหาของที่เหลือๆจากตู้เย็นมาทำเป็นอาหาร จากนั้นก็ถ่ายทอดให้คนอื่นชมทาง Youtube.com ได้ไปออกรายการของคุณแหม่มสุริวิภาที่ช่อง 9 และอื่นๆอีกหลายรายการ โด่งดังเป็นที่เรียบร้อย
เล่ามาทั้งหมดนี้เพื่อที่จะบอกว่า ปัจจุบันทีวีทางอินเตอร์เน็ตกำลังมีบทบาทและเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกที เป็นสื่อที่เข้าถึงง่ายทั้งผู้ชมและผู้ผลิตรายการ เร็วๆนี้กูเกิ้ลก็จะออกกูเกิ้ลทีวี ทีวีที่เล่นเน็ตได้ออกมา วงการนี้คงคึกคักมากยิ่งขึ้น คุณสามารถชมการทำงานของกูเกิ้ลทีวีได้ที่ http://www.google.com/tv
เรื่องที่คุณสนใจ เรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ เรื่องรอบๆตัวคุณ แปรรูปมันเป็นคลิปวีดีโอง่ายๆ ด้วยเครื่องมือที่คุณมี แล้วอัฟโหลดขึ้นเว็บแบ่งปันให้คนอื่นได้ชม ถ้าสิ่งนั้น “เจ๋ง” จริง จะมีคนเข้ามาดูจำนวนมากแล้วเกิดการบอกต่อ และวันหนึ่งมันจะมีมูลค่าขึ้นมา
ผมเชื่อว่าอินเตอร์เน็ตทีวีจะสร้างฮีโร่หน้าใหม่ๆอีกมากมายขึ้นมาในวงการสื่อสารมวลชน หนึ่งในนั้นผมอยากให้มีแฟนคอลัมน์ของเศรษฐีออนไลน์บ้างเท่านั้นเอง.
6 พฤษภาคม 2554
เว็บ “ท้องถิ่น(นิยม)”
เมื่อกลางปีที่แล้วผมตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดด้วยเหตุผลว่ามัน “น่าอยู่” กว่ากรุงเทพในหลายๆเรื่อง ที่สำคัญคือเรื่องคุณภาพชีวิต ทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกาย กรุงเทพมีแต่ตึกและรถ แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน แย่งกันใช้ อากาศที่หายใจมีแต่มลพิษ แทบทุกบ้านต้องมีเครื่องปรับอากาศ ชีวิตที่เร่งรีบจนแทบไม่มีเวลาทำอาหาร ต้องกินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ
ผมเคยเดินทางจากลาดพร้าวไปสีลมระยะทางไม่ถึง 20 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางร่วม 2 ชั่วโมง รถขยับทีละนิดๆ น่าอึดอัดมาก บ้านผมที่ต่างจังหวัดอยู่อำเภอหนองกี่ ห่างจากจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์ ประมาณ 80 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อยู่ต่างจังหวัดเวลาเป็นของเราเต็มๆ
หลายคนที่อยู่กรุงเทพคงมีเหตุผลสำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจ อยู่ในเมืองมีงานให้เลือกทำมากมาย ค่าแรงดีกว่าต่างจังหวัด แต่ต้องไม่ลืมว่าอยู่เมืองกรุงค่าใช้จ่ายย่อมสูงตามไปด้วย เบ็ดเสร็จแล้วอาจจะติดลบเลยก็ได้ ทว่าการจะย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี วันนี้ผมจึงอยากชวนท่านมาหาคำตอบ
ผู้ประกอบการท้องถิ่น
ถ้าไม่นับเรื่องอาชีพที่ขัดต่อศีลธรรมจำพวกหวยหุ้นที่ออกรางวัลกันทุกวันซึ่งเฟื่องฟูมากที่ต่างจังหวัดแล้ว ผมยังพบว่ามีอาชีพที่คนที่นี่ทำและมีรายได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยไม่ต้องเป็นลูกจ้างและไม่ต้องง้อของานใครทำ
เรียนจบปริญญาตรีมาหากไปทำงานประจำเงินเดือนอาจจะประมาณ 1 หมื่นบาท หลายคนเลือกกลับต่างจังหวัดมาประกอบอาชีพของตนเอง ช่วงยางพาราราคาดีพบว่ามีบัณฑิตปริญญาตรีรับจ้างกรีดยางอยู่ทั่วไป แบ่งรายได้ 40:60 กับเจ้าของสวนยาง มีรายได้เดือนละหลายหมื่น เป็นอาชีพที่ไม่ต้องมีทุนรอนมากมาย
วันก่อนไปกินข้าวต้มโต้รุ่งที่อำเภอใกล้ๆนี้ น้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินไปมาอยู่ในร้านถามได้ความว่าเป็นเจ้าของร้าน จบปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอมีลูกน้องช่วยงานนับสิบคน ลูกค้าเต็มร้าน ตอนนั้นโต๊ะหนึ่งเรียกเช็คบิลเป็นเงิน 4 พันกว่าบาท(มีเหล้าด้วย) คืนหนึ่งร้านนี้น่าจะขายได้หลายหมื่น รายได้ขนาดนี้คงทำให้เธอหายเหนื่อยได้เช่นกัน
เดินเข้าไปในตลาดประจำอำเภอพบแม่ค้าขายของชำหน้าใส ถามได้ความว่าเรียนจบปริญญาตรีการตลาดจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตอนจบใหม่ๆมีธนาคารแห่งหนึ่งเสนองานให้ แต่เธอปฏิเสธเพราะต้องการกลับมาดูแลแม่และช่วยกิจการที่บ้าน นับว่าไม่ผิดหวังเพราะตอนนี้เธออายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่มีรายได้เท่ากับผู้จัดการธนาคาร โดยไม่ต้องไปแก่งแย่งชิงตำแหน่งกับใคร
ที่ใดมีคนที่นั่นมีกำลังซื้อ ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคของต่างจังหวัดนับว่าโตมากๆ ร้านขายของชำในอำเภอที่ผมอยู่เพิ่งเปิดร้านมาประมาณ 6 เดือน ยอดขายวันละ 50,000 บาท เจ้าของร้านเล่าว่า ร้านมินิมาร์ทในตลาดขายดีกว่านี้อีก ยอดขายวันหนึ่งเป็นแสน ทั้งที่มี 4 ร้านทั้ง 4 มุมของตลาด แข่งกันขายของถูก
ร้านเซเว่นหรือเฟรนส์ไชน์มินิมาร์ทไหนๆถ้าคิดจะมาตีตลาดที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ผู้ประกอบการท้องถิ่นออนไลน์
เมื่อมีผู้ประกอบการที่มีความรู้ มีการศึกษามากขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างก็ตามมา อาทิ การประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ ผมเคยใช้บริการลงโฆษณากับวิทยุท้องถิ่นของที่นี่ พบว่ามีค่าใช้จ่ายถูกจริงๆ เดือนละ 1,000 บาทเท่านั้น ออกอากาศทุกวันช่วงเช้า
คนที่ฟังรายการวิทยุก็ยังมี เพราะสามารถฟังไปด้วยทำงานไปด้วยได้ การดูรายการโทรทัศน์อาจจะได้ข่าวสารสาระที่ไกลตัวออกไปเพราะผู้ผลิตรายการทำให้คนดูทั้งประเทศ แต่รายการวิทยุพูดเรื่องใกล้ตัว จับต้องได้มากกว่า
ด้านอินเตอร์เน็ตเดี๋ยวนี้มีใช้กันแทบทุกบ้านเหมือนโทรศัพท์ เด็กมัธยมแทบทุกคนมีเฟสบุ๊คเป็นของตนเอง ผมเคยลงโฆษณาที่เฟสบุ๊คโดยจำกัดกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในจังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์ พบว่ามีการแสดงผลหลักหมื่นและมีคนคลิกเข้ามาอ่านวันละหลายสิบคนเลยทีเดียว
ไอเดียหนึ่งที่ผมอยากทำและอาจจะเริ่มทำในไม่ช้านี้ ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ คือการทำเว็บไซต์ท้องถิ่น อาจจะเป็นเว็บอำเภอหรือตำบลที่ท่านอาศัยอยู่ ปัจจุบันหน่วยราชการก็มีการทำอยู่บ้างแล้ว แต่ผมพบว่ายังเป็นเว็บที่ไม่น่าสนใจเท่าไหร่
ข้อมูลในเว็บน่าจะเป็นการรวบรวมสถานประกอบการต่างๆ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น แหล่งขายที่ดิน บ้านเช่า ขายรถ โอท็อป และสินค้าต่างๆ รวมถึงเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนในชุมชน ช่วงต้นประชาสัมพันธ์ให้ฟรี เมื่อเว็บเป็นที่นิยมแล้วจึงค่อยเก็บค่าโฆษณา
เครื่องมือที่ใช้สร้างเว็บที่ว่านี้ท่านอาจจะใช้บริการของฟรีต่างๆที่เคยแนะนำไปแล้วได้แก่ เว็บไซต์ฟรี http://sites.google.com , แผนที่ฟรีที่ http://maps.google.co.th , ปฏิทินฟรีที่ http://www.google.com/calendar
ท่านอาจจะเปิดบัญชีเฟสบุ๊คที่เป็นชื่อท้องถิ่นของท่านด้วย เพื่อดึงคนเข้าเว็บไซต์ และใช้อัพเดทเหตุการณ์ต่างๆอย่างรวดเร็ว ท่านอาจจะบันทึกคลิปวีดีโอเล่าเรื่องของท้องถิ่นท่าน ทำเป็นรายการทีวีออนไลน์ติดที่เว็บ โดยอับโหลดคลิปของท่านได้ที่ www.youtube.com
การเติบโตของเว็บท้องถิ่น
เว็บไซต์ท้องถิ่นของท่าน นอกจากขายพื้นที่โฆษณาแล้ว ท่านยังสามารถแตกไลน์ธุรกิจออกไปได้อีกหลายอย่าง เสมือนท่านมีสื่อชนิดหนึ่งอยู่ในมือ ท่านอาจรับจ้างทำเว็บให้สถานประกอบการต่างๆ หากลงข้อมูลในเว็บฟรีก็มีข้อมูลจำกัด หากต้องการรายละเอียดมากขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกัน
ปัจจุบันแนวโน้มของธุรกิจเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ “แคบ” แต่ “ลึก” ขึ้น สินค้าและบริการที่ออกแบบมาอย่างเฉพาะเจาะจงลงตัวกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เว็บท้องถิ่นจะตอบสนองกับธุรกิจที่มีลูกค้าอยู่ในท้องถิ่นนั้น เมื่อเว็บลักษณะนี้มีมากยิ่งขึ้นและเชื่อมโยงกัน เราก็จะได้ข้อมูลธุรกิจท้องถิ่นที่เล่าเรื่องโดยคนท้องที่
ใครจะรู้จัก “บ้าน” ของเขา เท่าเจ้าของบ้านเอง .